สวัสดีเพื่อนใหม่ผู้อยู่ไกลถึงดาวสีดิน

ไม่นึกไม่ฝันว่าฉันจะได้รับจดหมายจากเธอ มันพิสูจน์ให้เห็นว่าระยะทางไม่มีผลต่อความตั้งใจของเรา

เรื่องราวบนดาวของเธอน่าสนใจจัง ฉันตื่นเต้นมากมายเชียวล่ะ ตัวอักษรของเธอทำให้จินตนาการของฉันโบยบินไปไกลจนนึกอยากเห็นนกกระดาษบินว่อนเต็มท้องฟ้า อยากคว้าเมฆกระดาษที่ลอยฟ่องเหล่านั้นมาปั้นฝันรูปร่างตามใจปรารถนา อยากท่องไปในมหาสมุดใหญ่โตที่เธอกล่าวถึงมองดูหลากหลายความฝันของนักเดินทางคนอื่น ไม่แน่ อาจมีสักความฝันในหลายหลากฝันเหล่านั้นช่วยจุดประกายไฟฝันของฉันให้คุโชน หรืออย่างน้อยก็ช่วยหล่อเลี้ยงไฟฝันของฉันให้ส่องแสงอยู่ต่อไปแม้เพียงริบหรี่อย่าเพิ่งมอดดับไปขณะที่ฉันยังไม่ได้เริ่มต้นอะไรเลย

ฉันอยากเห็นถนนหนทางที่ปูด้วยตัวอักษรละลานตา เดินย่ำเท้าไปเรื่อยๆ และถ้ามีแรงพอทำได้ฉันจะเดินไปให้สุดขอบฟ้า

ฉันอยากเห็นเพิงพักเรียงราย ทั้งเพิงความรัก เพิงความหวัง เพิงกำลังใจ เพิงโชคชะตา ฉันจะเข้าไปเยี่ยมชมให้ครบทุกเพิงเชียวล่ะ แต่แย่ตรงที่ฉันเกลียดเพิงหน้าที่และความรับผิดชอบ ถ้านี่คือด่านทดสอบจริงๆ เห็นทีฉันคงซี๋แหงแก๋ตั้งแต่หน้าประตูโดยไม่มีโอกาสยื่นฎีกาขออุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ฉันเคยพยายามฝึกฝนตัวเอง ใช้ทั้งวิริยะและอุตสาหะ แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ถึงทุกวันนี้ฉันก็ไม่เคยทำสำเร็จ

อ้อ ฉันอยากเห็นต้นดินสอปักปลายลงดินด้วยล่ะ ไส้ดินสอต้องทำหน้าที่เป็นรากแก้วแน่ๆ พูดแล้วก็อยากกัดกินผลไม้รสเลิศจากต้นดินสอขึ้นมาแล้วสิ หลังจากนั้นเราค่อยจูงมือท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์ด้วยกัน ว่าแต่เธอแน่ใจนะว่าผลไม้ที่ว่านั่นกินเข้าไปแล้วจะพาเราท่องไปในดินแดนที่ยังไม่มีใครสำรวจจริงๆ หรืออย่างร้ายเพียงแค่ทำให้จินตนาการสะดุด ฉันเกรงแต่จะมีผลไม้ต้องคำสาปเหมือนสวนอีเดนหลงอยู่ด้วยน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันไม่เอาด้วยนะ ฉันยังไม่พร้อมเป็นอีฟ

สุดท้ายฉันก็อยากเห็นทุกอย่างที่เธอเขียนถึงนั่นแหละ

เธอยกตัวอย่างเรื่องการพบพานและปรากฏการณ์โชคชะตาทำให้ฉันนึกสงสัย เธอจัดความสัมพันธ์ของเราไว้ในประเภทไหน? พบพานผูกพันหรือเพียงปรากฏการณ์โชคชะตาธรรมดาที่บังเอิญเธอได้รับจดหมายจากฉันและนึกสนุกตอบกลับ คิดอีกทีเราก็เหมือนตัวละครในเรื่องที่เธอเล่า(เธอตั้งใจหรือเปล่า?) เพียงแต่กลับกันที่ฉันเป็นฝ่ายสุ่มเสี่ยงส่งจดหมายมาหาเธอก่อน แทนที่จะเป็นเธอซึ่งถ้าเปรียบกับตัวละครในเรื่องก็คงรับบทเป็นพระเอก

ฉันไม่น่าถามอะไรโง่ๆ เลยนะ ในเมื่อเธออุตส่าห์ตั้งใจเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเธอก็ต้องให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเราอยู่แล้วล่ะ แม้จะเพียงเริ่มต้น ฉันจะไม่สงสัยอะไรสำหรับเรื่องนี้อีก

ฉันชอบประโยคนึงจังเลย ‘หยาดน้ำตาเธอจะอยู่กับเขาจนลมหายใจสุดท้าย’ นั่นสิ เมื่อความผูกพันผูกมัดเราไว้กับใครคนหนึ่งสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือเหนี่ยวรั้งเค้าไว้ให้อยู่กับเรานานเท่านาน นานเท่าที่ความสามารถจะมี ...เราก็ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้

เมื่อเวลาพรากมาเยือน ยิ่งได้ผ่านช่วงเวลาพบพานมาอย่างงดงาม ฉันยิ่งไม่มั่นใจเลยว่าจะทำใจยอมรับมันได้?

ขอบคุณที่ตอบจดหมายกลับ มันทำให้ทุกตัวอักษรของฉันมีความหมาย


ปรารถนาให้เธอมีความสุขทุกวัน
เพื่อนของเธอ
ฤดูร้อนอันยาวนาน ๒๕๕๒


@ จดหมายจากดาวสีดิน : ดาวของฉัน



๏ บนหนทางแปลกแยกและแตกต่าง
ในระหว่างทางที่เจอ เธอกับฉัน
ผ่านพบสื่อนิยามความผูกพัน
ผ่านวันทบวันอันเป็นไป

บนเส้นทางก้าวผ่านด่านอดีต
ฉันเขียนขีดชีวิตอันยิ่งใหญ่
ก้าวต่อก้าวฟันฝ่าท้าความนัย
ก้าวเดินไปด้วยไฟฝันที่ฉันมี

บนเส้นทางก้าวย่างทางชีวิต
จะถูกผิดลิขิตฝันทุกวันวี่
ฝันต่อฝันเติมฝันทุกวันมี
ใช้ชีวีทั้งชีวีเป็นเดิมพัน

สบเส้นทางหมายมาดปรารถนา
สบสายตามาดหมายคล้ายห้วงฝัน
สบเพียงซึ้งตรึงใจในสัมพันธ์
นัยน์วงตาคู่นั้นไม่ผันแปร

จะกี่ทางกี่ก้าวกี่หนาวร้อน
ทุกบทตอนทบทวีนี้แน่วแน่
เมื่อมีรักหล่อเลี้ยงในดวงแด
กี่ขวากหนามจะไม่แพ้ไม่คร้ามเกรง

ดุ่มด้นเดินฝ่าฟันด้วยฝันใฝ่
ดุ่มด้นไปด้วยใจไม่คว้างเคว้ง
ท่วงทำนองชีวิตยังบรรเลง
เป็นบทเพลงสื่อความหมายได้ประจักษ์

ฉันเรียงร้อยวันคืนด้วยความฝัน
เธอเรียงร้อยคืนวันด้วยความรัก
ทุกรอยเท้าก้าวย่างต่างตระหนัก
เมื่อมีฝันร้อยรัก...อิงพักใจฯ



๏ เห็นเธอน้ำตานอง
ฉันนั่งมองด้วยห่วงใย
คนดีจะรู้ไหม
ฉันห่วงใยเธอเสมอ


เรื่องราวในชีวิต
ใครลิขิตให้กับเธอ
ทุกข์เศร้าที่พบเจอ
หวังเพียงเธอเข้มแข็งพอ


วันคืนจะลบล้าง
ความอ้างว้างที่เกิดก่อ
คืนวันจะถักทอ
ให้เกิดก่อสุขสดใส


ด้วยรักทั้งชีวิต
แนบสนิทลงกลางใจ
ปลอบขวัญเจ้าทรามวัย
ด้วยหัวใจห่วงอาทร..


แด่ คนในกระจก



๏ เพ็ญโสมกระจ่างฟ้า...............จวงจันทร์
ลอยลิ่ววิลาวัณย์.......................แจ่มหล้า
เมฆยังคลอเคียงกัน................เกยอยู่ คู่เคย
อยู่ไหนเล่าขวัญข้า...........ไยร้าง ห่างไกล ฯ


๏ พระพายเคยผ่านแผ้ว................พจนีย์
พัดแผ่วแว่ววลี........................ห่อนเว้น
เย็นสายลมวจี.................เวียนแวะ รจนา
แลกลายอักขระเล่น.......เป็นเพื่อน มาเสมอ ฯ


๏ สงัดเงียบเสียยิ่งแล้ว..............สหายเอย
สายลมเคยรำเพย....................แผ่วพลิ้ว
ยามนี้หยุดพัดเลย...............ราวสิ้น แรงลม
ลืมแล้วเคยเริงริ้ว.......แรมรส อักขระละไม ฯ


๏ เจ็บปวดแลป่วยไข้................ใช่ไหม?
จึงไม่อาจพัดไกล...................กว่ากลั้น
หนักเบาเป็นฉันใด...............ใคร่รู้ จริงแฮ
ห่วงใยกังวลนั้น.............เนิ่นช้า ยิ่งถวิล ฯ


@ ราวไร้พระพายพัด..รำเพย โดย ธุลีดิน

สวัสดีเธอผู้เป็นเพื่อนใหม่

นี่เป็นจดหมายฉบับที่สองที่ฉันเขียนมาหาเธอ หวังว่าเธอจะสุขสบายดีและมีความสุขกับจดหมายฉบับก่อนหน้านี้ ฉันรู้แล้วล่ะว่าเธอได้รับจดหมายฉบับนั้นเรียบร้อยแล้ว เธอคงสงสัยล่ะซิ ฉันรู้ได้ยังไง? ฉันก็บอกไม่ถูกหรอก แต่ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้นนี่นา เธอไม่รู้หรอกว่าฉันดีใจมากแค่ไหนเมื่อคิดว่าเธอกำลังนั่งอ่านจดหมายฉันอยู่

ไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ไกลกันแค่ไหน ฉันรู้ ความคิดถึงของฉันเดินทางไปถึงเธอเสมอ เช่นเดียวกันความคิดถึงของเธอก็เดินทางมาถึงฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันเห็นนะ เธอกำลังนั่งยิ้มอยู่ ใช่มั้ยล่า? นั่นไง เธอยิ้มกว้างมากขึ้น เห็นฟันหมดทุกซี่เลย!

มิตรภาพเล็กๆ ก่อเกิดขึ้นจากตัวอักษรไม่กี่ตัว ฉันไม่รู้ว่าเธอให้ความสำคัญกับมันแค่ไหน แต่รู้ไว้เถิดสำหรับฉันมันมีค่ามากมายเกินประมาณเชียวล่ะ

ใครๆ มักบอกว่าการพบกันคือจุดเริ่มต้นของการพรากจาก ฉันไม่เถียงสักคำเดียว! ...ก็มันจริงนี่นา... แต่ก่อนพรากจากนั่นสิเราได้สร้างอะไรให้ความทรงจำในอนาคตของเราหรือเปล่า? ฉันว่าจุดนี้สำคัญกว่าเป็นไหนๆ จดหมายฉบับที่แล้วฉันพูดถึงความทรงจำเธอจำได้ไหม? ‘ความซาบซ่านอันแสนอาดูร’ ไง ถึงมันจะบีบคั้นความรู้สึกให้ถวิลหาอาวรณ์ก็เถิด ฉันก็ยังยินดีจะมีมัน ก็มันคือความทรงจำดีๆ นี่นา

เชื่อได้เลย มิตรภาพของเราในวันนี้จะเป็นความทรงจำดีๆ ของฉันในวันข้างหน้า เมื่อการจากลาเดินทางมาถึง

ตลกจัง เราเพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่ฉันดันพูดถึงการจากลาซะแล้ว เธอจะว่าฉันบ๊องมั้ยนะ?

อยากรู้จังเลย ดาวที่เธออยู่จะเป็นยังไงบ้าง จะเหมือนดาวสีน้ำเงินที่ฉันอยู่หรือเปล่า? เธอรู้จักดาวสีน้ำเงินมั้ย? ที่นี่มีทะเลสีคราม มีท้องฟ้าสวยใสไกลสุดสายตาจะมองเห็น มีแม่น้ำเย็นฉ่ำชื่นใจ มีภูเขาที่มีต้นไม้ปกคลุมเต็มพืดไปหมดจนฉันชักสงสัยว่าหากหลงเข้าไปในภูเขานั้นตลอดทั้งชีวิตที่เหลือฉันจะหาทางออกเจอหรือเปล่า? มีนกสารพันชนิดบินว่อนเต็มท้องฟ้า มีดอกไม้สารพันอย่างสีสันแปลกตาแถมกลิ่นก็หอมหวนชวนดม มีแมลงอีกมากมายก่ายกอง

บนดาวสีน้ำเงินมีความสดใสไร้เดียงสาเป็นบทเริ่มต้นของชีวิต ตอนเด็กๆ ฉันเคยวิ่งไล่จับผีเสื้อด้วยล่ะ แต่ตอนนี้ฉันโตเกินกว่าที่จะทำแบบนั้นอีกแล้ว มีหลายอย่างที่ฉันเคยทำตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถทำมันได้อีก เมื่อเราโตขึ้นอะไรๆ ก็เปลี่ยนไป

เธอรู้มั้ย? บางทีฉันรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตช่างไร้สาระสิ้นดี มันเหมือนฉันกำลังจมปลักอยู่ในความไร้สาระนั้นจนหาทางออกไม่เจอ ฉันพยายามคิดใคร่ครวญไตร่ตรองทุกเรื่องราว แต่ทุกครั้งก็ไม่ต่างกัน ฉันไม่เคยได้อะไรจากความพยายามนั้นเลย ...บางที ฉันอาจต้องการเวลามากกว่านี้สำหรับการครุ่นคิด หรืออาจเป็นเวลาสำหรับเรียนรู้โลกให้มากขึ้น ไม่แน่นะ ในอนาคตเมื่อฉันมองย้อนกลับมา ฉันอาจรู้สึกว่าความสงสัยนี้ต่างหากคือสิ่งไร้สาระแทนที่จะเป็นเรื่องราวต่างๆ บางทีสิ่งที่ถูกต้องคือ ฉันไม่ควรสงสัยอะไรเลย ฉันเพียงแค่ดำเนินชีวิตไปตามวิถีทางที่ควรจะเป็น แต่ก็อีกนั่นแหละ ฉันไม่รู้เลย ทางไหนคือวิถีที่ควรจะเป็น?

หวังเพียงว่าเมื่อถึงเวลาเหมาะสมฉันคงรู้คำตอบทั้งหมด


รักและคิดถึง
เด็กสาวบนดาวสีน้ำเงิน
หน้าร้อน ปลายเมษาฯ ๒๕๕๒



๏ เปิดหนังสือบางหน้าขึ้นมาอ่าน
ถึงตำนานกุหลาบแดงใจแหว่งวิ่น
ก่อนหน้านั้นเจ้าสวยแสนทั่วแดนดิน
มาแดดิ้นวิ่นแหว่งสิ้นแรงโรย



อะไรหนอทำดวงใจเจ้าล้าอ่อน
จนทอดถอนดวงใจให้แห้งโหย
หรือสายลมกรูสะพัดระบัดโบย
จนกลีบโรยร่วงรานเกลื่อนลานภู


หรืเจ้าล้าเพราะเชิงผาตระหง่านง้ำ
ทิ้งรอยช้ำบนกลีบบางช่างอดสู
หรือน้ำค้างหนักหน่วงมาร่วงพรู
เจ้าจึงดูแหว่งวิ่นเจียนสิ้นใจ


อาจบางดาวไม่ยอแสงสิ้นแรงหวัง
อาจราวไพรเผลอพลั้งดั่งหยุดไหว
อาจสายลมหยุดพัดระบัดไพร
หรือธารห้วยหยุดไหลในบัดดล



เถิดอะไรจะทำให้เจ้าร้าว
ตะวันพราวยังสาดแสงทุกแห่งหน
หากกลีบเจ้าโรยร่วงเกินหน่วงทน
โปรดยินยลคำรัก...จากตะวัน.


"...รัก

รัก


รัก

...ใครไม่รัก ก็ยัง...


รัก


รัก

รัก


...และ... รัก..."


วาระปะฝีกลอนท่านคั่นฯ ใน 'ให้รักเรา'


๏ เบื่อ...ทุกเวลานาทีที่ล่วงผ่าน
แสนเกียจคร้านมากมายกระไรนี่
นอนแถกไปแถกมาประดามี
คล้ายชีวีไม่รู้เห็นความเป็นไป

เบื่อ...ทุกเรื่องราวเข้ามาสู่
มันหดหู่ห้วงฤดีจะมีไหน
มาเปรียบเทียบเปรียบเปรยเย้ยหยันใจ
มองอะไรก็หดหู่เกินสู้ทน

เบื่อ...หนังสือหนังหาสรรมาอ่าน
เพียงเปิดผ่านแล้วปิดวางอย่างไม่สน
ตัวอักษรผ่านตาเพียงผ่านพ้น
ต้องจำนนนอนซบหน้าปิดตาซึม

เบื่อ...ทีวีมีรายการไร้สาระ
สะระตะข่าวคาวฉาวกระหึ่ม
ขุดคุ้ยแหลกไม่แยกแยะอยู่โจ๋งครึ่ม
นอนอกตรึมปิดหน้าตรมอารมณ์เซ็ง!

เบื่อ...เกมคอมพิวเตอร์ เฮ้อ...เบื่อหน่าย
เบื่อเหลือหลายเล่นอะไรไม่เหมาะเหม็ง
เล่นกี่ทีมีแต่แพ้ ไอ้เส็งเคร็ง
ตูละเซ็ง เซ็ง เซ็ง เซ็ง เซ็งมันเลย..

เบื่อ...วิทยุรายการเพลง
เปิดบรรเลงแต่เพลงรักอยู่นั่นเหวย
คนไม่มีคนรักให้อิงเอย
อยากจะเผยความใน ใจล่ะเบื่อ

หยิบกระดาษปากกาขึ้นขีดเขียน
หวังหมั่นเพียรในทักษะก็ฝืดเฝือ
ร้อยอักษรบทกวีไปพร่ำเพรื่อ
เฮ้อ.....มันน่าเบื่อ......เบื่อจริงโว้ยยยยยยยยยย!!!

สวัสดีเธอผู้อยู่แดนไกล

แปลกใจมากไหม? ที่อยู่ดีๆเธอก็ได้รับจดหมายฉบับนี้ ความจริงฉันใคร่ครวญอยู่นานเหมือนกันว่าจะเขียนถึงเธอดีหรือเปล่า ระหว่างชั่งใจอยู่นั้น พลันดินสอในมือขยับเดินทางเป็นตัวอักษร

มาถึงบรรทัดนี้เธอคงเข้าใจแล้วสินะ ฉันไม่ได้เขียนจากการตัดสินใจของฉันเอง แต่เป็นจิตใต้สำนึกต่างหากที่ชักนำดินสอในมือให้เคลื่อนไหว

ระหว่างเขียนอยู่นี้ฉันไม่มั่นใจเลยว่าเธอจะได้อ่านมันหรือเปล่า ฉันรู้เพียงว่าฉันต้องเขียน เขียน และเขียน เขียนจนกระทั่งปลายดินสอเดินทางไปถึงอักษรตัวสุดท้าย ฉันก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ อักษรตัวสุดท้ายอยู่ตรงไหน แต่ฉันคิดว่าเมื่อมันโผล่มา ฉันคงรู้

จดหมายฉบับแรก ฉันควรคุยกับเธอด้วยเรื่องอะไรดีนะ?

ความจริงแล้วฉันตื่นเต้นมากเลยล่ะเมื่อตัดสินใจว่าจะเขียนจดหมายมาหาเธอ จนไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี ก็นานมากแล้วนี่ที่ฉันไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้ จดหมายฉบับสุดท้ายที่มาจากลายมือของฉันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ฉันยังนึกไม่ออกเลย ...แต่น่าแปลกจังที่ฉันยังสัมผัสได้ถึงความสุขซึ่งอวลอยู่ในจดหมายทุกฉบับที่ได้รับ มันอุ่นซ่านไปด้วยมนต์ประหลาดที่ฉุดดึงให้ฉันดำดิ่งไปสู่โลกอีกใบ น่าพิสมัยและแสนรื่นรมย์จนฉันยังนึกฉงนว่าตัวอักษรเพียงหน้ากระดาษสามารถเนรมิตโลกได้สวยซึ้งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

บางทีอาจไม่เพียงตัวอักษรที่สร้างโลกใบนั้น แต่อาจรวมถึงองค์ประกอบอื่นบางอย่างซึ่งฉันไม่แน่ใจ อาจเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่แผ่วมาจากเนื้อกระดาษเหมือนมันถูกฉาบเคลือบไว้ในทุกอณูเนื้ออักษร หรืออาจเป็นลายเส้นพลิ้วไหวของกลีบดอกไม้ หรือบางทีอาจเป็นเส้นสายที่ประกอบเป็นรูปร่างของใครสักคนซึ่งประทับลงบนเนื้อกระดาษนั้น งดงามราวมีชีวิตอยู่ในโลกฝัน ฉันมักดิ่งภวังค์ทุกครั้งที่หยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่าน ไม่ว่าจะเป็นจดหมายฉบับใดก็ตาม และไม่ว่าฉบับนั้นจะผ่านการอ่านมาแล้วกี่ครั้งความรู้สึกไม่เคยต่างกันเลย

ตลกไหมที่เราหวนหาอดีตขณะปัจจุบันพรากมันไปลิบตา ทุกสิ่งที่ระลึกได้เป็นเพียงตะกอนผลึกซึ่งตกค้างอยู่ในความทรงจำที่ไม่อาจบิดเบือน ทำลาย หรือลบล้างลงได้

ฉันคิดว่าเธอคงมีความทรงจำในหลายเรื่องราว ทั้งที่ดีและ/หรืออาจไม่ค่อยจะดี ฉันไม่อยากเรียกมันว่า ‘ความทรงจำเลวร้าย’ เพราะดูเหมือนจะโหดร้ายและอยุติธรรมเกินไปหากจะประณามกันแบบนั้น ความทรงจำทรงทั้งมวล -ไม่สิ ไม่ใช่เพียงแค่ความทรงจำหรอก ต้องบอกว่าทุกสิ่งอย่างทั้งมวลที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ล้วนหล่อหลอมมาเป็นเราในวันนี้ เรื่องราวดีๆ ประกอบมาเป็นเราที่งดงาม เรื่องราวไม่ดีทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น และพร้อมจะเผชิญกับเรื่องราวไม่ดีที่จะมาทักทายเราอีกในอนาคตได้อย่างไม่หวั่นเกรง

แต่ก็แน่ล่ะ ใครกันจะอยากเก็บเรื่องไม่ดีเอาไว้ บางทีมันก็เป็นเหตุสุดวิสัยที่เรื่องราวแย่ๆ ยังเกาะติดหนึบอยู่ในความทรงจำอยู่ชั่วนาตาปี ...ยังไงเสีย ความทรงจำก็เป็นเพียงความทรงจำ จะดีหรือไม่ดี เรื่องราวเหล่านั้นก็ผ่านพ้นไปแล้ว เหลือเพียงร่องรอยเท่านั้นที่ทิ้งไว้บอกให้รู้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยผ่านมา

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถิด ทำไมนะ ยามฉันคิดถึงเรื่องราวดีๆความโหยหาถึงได้โอบล้อมฉันไว้ มันซาบซ่าน พร้อมกันนั้นก็บีบคั้นความรู้สึกให้ต้องจำนน ฉันอยากเรียกมันว่า ‘ความซาบซ่านอันแสนอาดูร’ เธอเคยรู้สึกเหมือนอย่างที่ฉันรู้สึกหรือเปล่านะ? เธอจะโหยหาบางอย่างเหมือนอย่างที่ฉันโหยหาหรือเปล่า? หรือมีเพียงฉันคนเดียวที่โหยหาอยู่เช่นนี้ ---ช่างเถิด.... มันไม่สำคัญหรอกว่าจะมีใครรู้สึกเหมือนฉันบ้าง มันสำคัญตรงที่ฉันรู้สึกอย่างไร และฉันพยายามจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไรต่างหาก

เห็นไหมล่ะ? ฉันตื่นเต้นจนเอาเรื่องอะไรก็ไม่รู้มาพูดคุย แต่ยังไงฉันก็ดีใจนะที่ได้เขียนจดหมายมาหาเธอ และหวังว่าเธอจะมีความสุขเมื่ออ่านจดหมายฉบับนี้เหมือนอย่างที่ฉันเคยมีความสุขกับจดหมายทุกฉบับของฉัน แล้วฉันจะเขียนจดหมายมาหาเธออีก


ดีใจที่เราได้รู้จักกัน
เด็กสาวจากดาวสีน้ำเงิน
เมษาฯ ๒๕๕๒




๏ โอบกอดความเหงาอยู่เปล่าดาย
ขับเคี่ยวความงมงายเหมือนไร้ผล
กอดซับรับรสกรดกร่น
จมปลักวังวนจินตนา

โอบกอดความเศร้าซุกเงาหลืบ
ปล่อยใจสานสืบปรารถนา
ปลดเปลื้องวิญญาณผ่านมรรคา
เหลือรอยเวทนาในเงาใจ

โอบกอดความเดียวดายโดยดายเดียว
ในความเปล่าเปลี่ยวและหวั่นไหว
ซุกซ่อนอารมณ์ข่มไว้
โหยไห้อันใดปลอบประโลม

จองจำดวงใจในวิถี
รุมสุมอัคคีถั่งโถม
แผดเผารุ่มร้อนรันโรม
หวังใดบรรโลมให้บรรเทา

รอยบาปกำซาบอาบจิต
ล่องนาวาชีวิตอับเฉา
สำนึกสึกกร่อนแหว่งเว้า
ร้อนเร่าเคล้าคลุกราคี

เลอะเลือนในห้วงความคิด
เสพติดตัณหาเปรมปรี่
มัวเมาเริงร่านสามานย์อัปรีย์
ถมถ่อยธุลีเลี้ยงวิญญาณ์

ดวงใจดวงจิตหมองไหม้
ท่ามทางฝันใฝ่แสวงหา
ท่ามทางดุ่มด้นผ่านพ้นมา
ทิ้งรอยเวทนาหว่างซอกใจ

ลึกสุด ณ ห้วงสำนึก
ตะกอนผลึกโหยไห้
ระงมกรีดร่ำอยู่รำไป
ทุกเสี้ยวหายใจในชีวิต!




เจ้าเอย..เจ้าดอกไมตรี
เจ้าแย้มบานได้ทุกที่
ดอกไมตรีช่างงามสดใส

เจ้าเอย..เจ้าดอกรัก
ยิ่งเบ่งบานยิ่งตระหนัก
ว่ากลิ่นดอกรักช่างยวนยั่วใจ

เจ้าเอย..เจ้าสายสวาท
ตัดเยื่อตัดใยไม่เคยขาด
โอ้สายสวาทช่างบาดดวงใจ

เจ้าเอย..เจ้าสายลม
ยามเจ้ารำเพยผ่านพรม
วานฝากใจลอยลมไปถึงคนไกล

เจ้าเอย..เจ้าสายฝน
ยามเจ้าร่วงหล่น
ช่วยขับกล่อมใครบางคนด้วยมนต์เพลงฝนได้ไหม?


"มีดวงใจหนึ่งดวงจะมอบให้เธอไว้ครอง
เมื่อยามสองเราต้องจากไกล
พาดวงใจเลื่อนลอยฝากบทเพลงบรรเลงให้ไว้
..เธอโปรดเก็บใจเอา..ไว้เพื่อรอ..

ฝากคำว่าคิดถึง..ให้เธออยู่เสมอ
แม้ไม่ได้เจอฉันก็สุขใจ
หากชีวิตไม่สิ้น ฉันจะกลับเอารักมาให้
เธอโปรดจำไว้วันที่ฉันรอ...

..เธอโปรดเก็บใจ..เอาไว้เพื่อรอ.."*



* เพลง รอวันฉันรักเธอ