๏ สวยปีกสีผีเสื้อระเรื่อฟ้า
กลางเวหาเหินหาวดูพราวเกลื่อน
งามระยับจับตาให้พร่าเลือน
ภาสวรยอนเยื้อนคอยเคลื่อนครา

สายแดดทอดผ่านเป็นม่านแสง
ริ้วจำแลงทอดย่านลงลานหญ้า
ระยิบวิบพริบพรายอวดสายตา
ระยับทาทาบทอลงล้อทาง

งามเงื่อนยูงฝูงเฝ้าอยู่เช้าค่ำ
ชวนดื่มด่ำพร่ำพร้องวงช้องหาง
รำแพนร่ายกรายกรีดประณีตบาง
เลื่อมรติสิกระจ่างมิร้างโรย

ลมรำเพยแผ่วผิวมาหวิวหวีด
ลุ่มสังคีตโลมเล้าผะผ่าวโผย
ระบำใบไกวกวัดระบัดโบย
พระพายโชยชายประทิ่นมารินราย

หลงถวิลกลิ่นแก้วที่แคล้วคล้อย
เมียงชม้อยพลอยอาลัยหวั่นใจหาย
นวลพธูตรู่ทิวามาร้างวาย
ริ้วระบายร่ายโรยระโหยแรง

ก่อนเคยกรุ่นกลิ่นอยู่ไม่รู้สิ้น
เป็นอาจิณร่ำอยู่ไม่รู้แหนง
ฟุ้งตลบอบอวลนวลเจ้าแพง
มาเหมือนแกล้งแล้งลาให้อาวรณ์

คงเช่นรักปักจิตสนิทซึ้ง
ยังรัดรึงตรึงสลักเกินหักถอน
ความซาบซ่านจารจดทุกบทตอน
มิเคยคลอนคลาไคลจากใจนาง

แล้ววันหนึ่งซึ้งรักก็หักหาย
ที่มั่นหมายกลายกลับลับเลือนห่าง
รติรสร้างนิราศสวาทจาง
ดวงใจนางพ่างสะทกเพียงอกพัง

สวยปีกสีผีเสื้อยังเรื่อฟ้า
ว่อนเวหาเหินหาวพราวสะพรั่ง
งามแดดสายฉายอาบฉาบใบบัง
ริ้วนวลปลั่งเรณูไหวลู่ลม

เหมือนอกหญิงไหวหวามในความรัก
มั่นใจภักดิ์หนึ่งชายหมายสู่สม
แต่น้ำคำใจชายคล้ายคลื่นลม
ที่หว่านพรมเรณูทุกผู้นาม

แรกหวานล้ำคำพลอดใช้ออดอ้อน
ใจบังอรหลงละเมอจนเพ้อพร่ำ
ไม่ทันเล่ห์ลมลวงของบ่วงคำ
ช่างกลับกลอกชอกช้ำน้ำใจชาย

คล้ายกลิ่นแก้วแผ่วโผยระโหยหวน
ให้รัญจวนถ้วนนิยามของความหมาย
แรกซึ้งซ่านนานนับก็วับวาย
เช่นใจชาย...กลายกลับ...รักอัปราฯ


อีกวันที่ฉันมาขลุกอยู่ในห้องนี้ ห้องแสนคุ้นเคย คล้ายมันเป็นอีกห้องของฉันไปเสียแล้ว จำไม่ได้ว่าถือกุญแจอีกชุดหนึ่งของห้องนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จำได้ว่าตั้งแต่นั้นมา ฉันต้องหาเวลามาห้องนี้อาทิตย์ละครั้ง

กับบรรยากาศร่มรื่น สดชื่น สงบเงียบ เย็นสบายด้วยสายลมพัดผ่าน นกน้อยแวะมาร้องเพลงให้ฟังในบางห้วงยาม บ้างจับคู่จู๋จี๋กันเอง บางครั้งอาจเจี๊ยวจ๊าวด้วยประชากรนกที่เกาะกลุ่มกันหลายตัว ทำให้เห็นความมีชีวิตชีวาในมุมเล็กๆ อีกมุมหนึ่ง

ทุกครั้งที่ตั้งใจมายังจุดหมายแห่งนี้ ฉันมักมีโปรแกรมในหัวเสียดิบดี แน่นอนว่ามันก็ไม่พ้นไปจากเขียนนิยาย ไม่ก็อ่านหนังสือ แต่ใครเลยจะรู้ว่าทุกครั้งที่มา ฉันไม่เคยอ่านหนังสือจบเล่ม และเขียนนิยายได้ไม่เคยเกิน 5 หน้ากระดาษ ทั้งที่อยู่ห้องตัวเองท่ามสรรพเสียงสารพันรายล้อม ฉันเคยเขียนได้ถึง 15 หน้าในหนึ่งวัน

อาจเพราะความสดชื่นเกินไป สงบเกินไป เย็นสบายเกินไป หรือรื่นรมย์เกินไปก็ไม่แน่ แต่ถึงกระนั้นฉันก็ยังแวะมาทุกสัปดาห์

เจ้าของห้องเคยบอกว่าช่วงหน้าฝนจะได้ยินเสียงกบเสียงเขียดร้องกันระงม ชวนให้นึกถึงบรรยากาศบ้านทุ่งดีแท้ ฉันอยากลองสัมผัสกลิ่นอายแบบนั้นในซอกมุมของเมืองใหญ่แบบนี้ดูบ้าง จินตนาการได้เลยว่ามันจะเป็นยังไง และทุกครั้งที่คิดความรู้สึกฉันจะฟองฟูเหมือนลูกโป่งที่บวมลมอยู่ภายใน

ฉันเคยอยู่ในห้องนี้ขณะฝนตกหลายครั้ง กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ขณะนั้นฉันอยู่คนเดียว และแน่นอนว่าฉันจะหยุดทุกกิจกรรมเพื่อไปนั่งมองสายฝนอยู่ตรงประตูริมระเบียง ริ้วฝนหล่นลงเป็นม่านไม่ขาดสาย ตกลงกระทบหลังคาคล้ายเสียงดนตรีในดินแดนลี้ลับที่มีเพียงศานติสุขเท่านั้นสำหรับผู้เหยียบย่างเข้าไปคอยกล่อมประโลม

ละอองฝนที่ผ่านเข้ามาห้อมล้อมรอบกาย คล้ายเพื่อนเก่าโอบกอดด้วยอ้อมแขนคุ้นเคย

ครั้งหนึ่งฉันเคยอยู่ในห้องนี้กับเจ้าของห้องในวันที่ฝนโปรยปรายช่วงเย็นโพล้เพล้ พระอาทิตย์จวนเจียนจะลับขอบฟ้าเต็มที ฉันมองไม่เห็นขอบฟ้าหรอก ในเมืองใหญ่ที่มีตึกสูงเสียดฟ้ารายล้อมอยู่แบบนี้ จะมีช่องว่างพอให้เห็นขอบฟ้าได้อย่างไร แต่แสงสว่างรำไรรอบกายขณะนั้นทำให้คาดเดาห้วงเวลาได้ไม่ยากนัก

กับสายฝนที่สาดซ่าอยู่เบื้องนอก และเสียงเพลงสบายๆ ที่คลออยู่ในห้องท่ามกลางแสงนีออนสว่างจ้า กับกลิ่นหอมกรุ่นของมาม่าร้อนๆ เสียงพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่มาพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเราสองคน มันไม่ใช่สิ่งดียิ่งใหญ่อะไรในชีวิต แต่มันเป็นสิ่งดีเล็กๆ ที่ทำให้ห้วงความทรงจำขณะหนึ่งมีค่าเกินประมาณ

มีคนไม่กี่คนในโลกกว้างใหญ่นี้ที่เรายินดีสื่อสารด้วยหัวใจ หนึ่งในไม่กี่คนของฉันมีเธอรวมอยู่ด้วย เจ้าของพักหมายเลข 304 ห้าปีกว่าในความสัมพันธ์ของเราฉันไม่อาจบอกได้ว่าแสนสั้นหรือยาวนาน เหนียวแน่นหรือเปราะบาง แต่หากไม่นับคนในครอบครัว เธอคือคนแรกที่ฉันจะนึกถึงเมื่อไม่สบายใจ ถ้านั่นหมายความว่าเธอเป็นคนพิเศษของฉัน ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ฉันจะปฏิเสธ

ฟ้าครึ้มมาอีกแล้ว อีกไม่นานฝนคงตก แม้ฉันจะยังไม่ได้ยินเสียงกบเสียงเขียดร้องกันระงมอย่างที่เธอเคยบอก แต่ยามฝนตกอากาศเย็นแบบนี้ได้นึกถึงเรื่องอุ่นหัวใจก็ดีไม่น้อย


ด้วยรัก
ห้องพัก 304 ประชาสงเคราะห์ 23
07/09/52


๏ อวลอุ่นแสงอ่อนตอนตรู่สาง
ใยแมงมุมซับน้ำค้างกลางเหินหาว
ฉ่ำรวงรังพรั่งเม็ดเป็นเกล็ดพราว
งามวิบวาววับใสกับใยยวง

เย็นลมเย็นแผ่วพลิ้วมาริ้วรื่น
แมกไม้ดื่นส่ายไหวใบหล่นร่วง
กลิ่นผกาชายกรุ่นชวนอุ่นทรวง
ฤดีดวงไหวหวามทรามอนงค์

กระอายหมอกดอกดื่นชื่นน้ำค้าง
ไม่แรมร้างกิ่งก้านบานระหง
คลุมยอดไม้ไหวเอนเบนลู่ลง
ลุ่มพะวงโลมลูบจูบพะยอม

รื่นทิวามารตีศรีสว่าง
เจิดกระจ่างอวลละมุนอุ่นถนอม
เรืองอร่ามถิ่นคามดูงามพร้อม
ดั่งจะย้อมด้วยมณีรุจีรัตน์

เจ้าบินหลาหาคู่ได้อยู่เคียง
ร่ำจำเรียงเสียงใสใจประหวัด
เคียงคู่ครองปองอยู่ไม่รู้พลัด
ชีพสวัสดิ์ปลงปลิดไม่บิดเบือน

แว่วสกุณาป่าพงรับส่งทอด
จวบตลอดชลสินธุ์ทุกถิ่นเถื่อน
ครวญกังวานขานกล่อมล้อมเหย้าเรือน
มิรางเลือนลาลับกับสายลม

ภู่ภมรร่อนร่ายส่ายปีกทั่ว
คล้ายจะยั่วหยอกเย้าเฝ้าสู่สม
เกสรรักหวานหอมได้ดอมดม
ชวนภิรมย์ชมชิดสนิทนวล

อวลกลิ่นหอมพะยอมพันธุ์ของขวัญพี่
ช่อมาลีชูสล้างช่างหอมหวน
ดารดาษวาดแซมแต้มแต่งถ้วน
กรุ่นกลิ่นอวลอุ่นอยู่ไม่รู้วาย

ก้มจูบซับดอกอิ่มเจ้านิ่มเนื้อ
งามอะเคื้อวับแวมแย้มนวลฉาย
บ้างกลีบหล่นร่วงโรยลงโปรยปราย
ละไมม้ายเมืองแมนแดนโสภา

เพียงภิรมย์ชมชื่นจากตื่นฝัน
วิไลวรรณทุกสิ่งมิ่งเสน่หา
แจ่มกระจ่างพร่างพรายนัยนา
ดั่งมนตราห้วงยามงามตระการ

สร้อยบุปผามาลัยตั้งใจร้อย
อุบะห้อยกุหลาบคู่ชมพูหวาน
ร้อยด้วยรักจริงใจในดวงมาลย์
เพียงส่งผ่านรักแท้แด่พี่ยา

ให้ปลอบปลุกทุกขวัญกำนัลรัก
ชูใจภักดิ์สมมาดวาสนา
ให้รักอยู่ยืนยงคงคู่ฟ้า
ทุกรัตติทิวาอย่าร้างเลือนฯ