๏ แว่วคำจำนรรจ์มาจากสาส์น
ให้ไหวหวานซ่านซึ้งรำพึงหา
ถ้อยกระซิบสายลมที่พรมพา
รู้ไหมว่าอกอรอาวรณ์อาลัย

ยามยากไร้คู่เรียงมาเคียงชิด
ล้านความคิดถ้วนสดับยังขับไข
เพียงแค่พรากจากกันมิทันไร
ทั้งดวงใจร้าวรานสะท้านทรวง

นั่งชมดาวพราวพริบระยิบผ่อง
งามละอองทั้งแดนดินถึงถิ่นสรวง
แต่ดาวดื่นหมื่นดาวพราวแสงยวง
รึจะอาจบั่นบ่วงห่วงอาวรณ์

ณ ราตรีหยาดน้ำค้างพร่างเรียวหญ้า
ดั่งน้ำตาอกน้องนองสะท้อน
สะท้านใจไหวหวั่นจนสั่นคลอน
มิอาจนอนข่มตาสักราตรี

ด้วยดวงใจทั้งดวงยังห่วงหา
ดื่นดาราเด่นประจักษ์เป็นสักขี
สานถ้อยความอุ่นไอในไมตรี
ตอบคนดีเว้าวอนตามกลอนคำ

มั่นหมายรักปักจิตไม่คิดหน่าย
ถึงนิราศห่างหายหลายคืนค่ำ
ย้ำสลักรักน้องดั่งจองจำ
แม้นชอกช้ำก็มั่นภักดิ์สลักรึง

เคยร้อยสร้อยเก็จวลีมาพลีมอบ
ถ้อยความกอปรถ้วนจิตแห่งคิดถึง
หวานอักษรพจนายังตราตรึง
ทุกเสี้ยวซึ้งส่วนความหวามอุ่นไอ

นาฏะอักษรานี้แด่พี่ท่าน
จะวันวารวันนี้หรือวันไหน
จะร้อยสร้อยเก็จวลีมาลีใจ
เป็นมาลัยคล้องขวัญนิรันดร...

@ เรไรร่อนร้อง : หวังจะมีสักวันเธอหันมา


๏ อ้อมกอดดาวดื่นของคืนหนาว
กับอกผ่าวรติรสเกินปลดเปลี่ยน
ความลึกล้ำซ่านซาบวาบไหวเวียน
จนจารเจียรอุ่นเอื้อสู่เนื้อใจ

งามละไมในรักเฝ้าถักร้อย
ทุกเสี้ยวรอยงดงามความหวามไหว
กำซาบซึ้งเสี้ยวส่วนล้วนความนัย
ละมุนใยโยงร้อยเป็นถ้อยคำ

ส่งเป็นสารแนบรักสู่ตักอุ่น
ที่เคยคุ้นชิดชื่นทุกคืนค่ำ
ลำนำพจน์ร่ายบทเพลงบรรเลงล้ำ
กล่อมคืนค่ำหอมหวานด้วยม่านมนต์

ให้เพลงดาวพราวแสงพริบแต่งสรวง
ได้โชติช่วงพราวพร่างสว่างสถล
กระจ่างเนตรเจตจินต์ถวิลยล
นภดลเลื่อมพรายลายราตรี

เย็นลำลมโบกโบยมาโชยชื่น
ระรินรื่นหอมเฟื้อยระเรื่อยรี่
แมกไม้ป่าผกาไพรในพงพี
ร่ายไมตรีหอมฟุ้งมาปรุงโปรย

กับดึกดื่นคืนค่อนไม่นอนแนบ
นั่งอิงแอบอุ่นดาวอกผ่าวโผย
กระซิบแผ่วแว่วกระแสอยู่แดโดย
ชื่นลมโชยชายเผดียงมาเพียงพิณ

งามรัตติพิศุทธิ์ สุรโลก
มวลสุโนกว่ายจันทร์บรรสานศิลป์
การเวกกล่อมกาลวิมานดิน
ท่ามอวลกลิ่นกุสุมาลย์ พิมานแมน

หอมกลิ่นกรุ่นอุ่นอาบกำซาบรัก
หอมยิ่งนักกว่าลดาพนาแสน
อุ่นอ้อมใดไหนเปรียบมาเทียบแทน
ไม่เหมือนแม้นอ้อมรักจักตราตรึง

เป็นลำนำขับขาน ณ กาลดึก
ประกายพรึกเจิดวิจิตรยามคิดถึง
ร้อยอักษรกลอนคำในรำพึง
ว่าสุดซึ้งคะนึงห่วงสุดดวงใจ

จะแดนดินถิ่นสรวงสุดห้วงภพ
จารบรรจบไมตรีที่มีให้
ใต้นภาฟ้ากว้างใช่ห่างไกล
หากสองใจยลดารา...ฟ้าเดียวกันฯ