สหายรัก
ขณะฉันเขียนจดหมายอยู่นี้นาฬิกาบอกเวลา 01.35 น. มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันควรจะนอนหลับพักผ่อน แทนมามัวนั่งถ่างตาเขียนจดหมายถึงเธอ แท้จริงฉันไม่ได้นั่งถ่างตาแต่อย่างใดเลย เพราะดวงตาฉันมันแข็งค้างด้วยความเจ็บปวดทางกายรุมเร้า ฉันเข้านอนตอนเข็มนาฬิกาเดินเลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อย และพลิกตัวกลับไปกลับมาจนกระทั่งก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที
ฉันไม่สบายอีกแล้ว ปวดไปหมด มันรุนแรงกว่าที่เคยเป็นมา แน่นอนนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ทุกครั้งมันไม่มากเท่านี้ แทบจะไม่รู้สึกรู้สาด้วยซ้ำ แต่ความเจ็บปวดคราวนี้มันทำให้ฉันหวาดหวั่น
เธอจะเชื่อมั้ยถ้าวินาทีนี้ฉันจะบอกเธอว่าฉันกำลังนึกถึงความตาย เธอคงนึกหัวเราะเยาะว่าไยฉันถึงได้ตื่นตูมไปได้ถึงเพียงนั้น ฉันเชื่ออยู่อย่างหนึ่งนะสหายรัก ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพียงกะพริบตา
ญาติสาวของฉันคนหนึ่ง อายุเพียงแค่สามสิบต้นๆ เธอแข็งแรงดีมาตลอด แต่เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้รับข่าวว่าเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าอยู่ได้อีกไม่เกินหกเดือน
ฉันกลัวจังเลย
กลัวว่าสิ่งที่ฉันริเริ่มจะเดินทางไปไม่ถึงจุดหมาย ไม่ปรารถนาให้มีสิ่งใดค้างคาเลย ห่วงไปสารพัด ความผูกพันทรมานอย่างนี้เอง มันรัดรึงจนฉันดิ้นไม่หลุด
ที่ผ่านมาฉันเคยมั่นใจตลอดว่าตนเองไม่กลัวความตาย ยังนึกเยาะคนอื่นที่คิดกลัว ยังเคยบอกใครๆ ว่าจะหวั่นไปไยหากชีวิตต้องสิ้นสุดเพียงแค่นี้ ดีสิ สิ้นเวรสิ้นกรรมกันชาตินี้ไปเริ่มกันใหม่ชาติหน้า แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันกลับตัวสั่นงันงก ตลกสิ้นดี
เคยได้ยินคำกล่าวแสนคลาสสิกประโยคหนึ่งมานานแล้ว
“จงทำวันนี้ให้ดีที่สุดเสมือนมันเป็นวันสุดท้ายในชีวิตคุณ”
คิดมาตลอดว่าจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อมั่นใจอยู่เสมอว่าวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปยังมีสำหรับเรา แต่บัดนี้ไม่มั่นใจเสียแล้วว่าวันพรุ่งนี้จะยังมีสำหรับฉันอีกหรือเปล่า?
ค่ำคืนเคว้งคว้างอย่างนี้โดดเดี่ยวเหลือเกิน ไม่มีใครเลยให้อุ่นใจ หันไปทางไหนก็เจอแต่ความว่างเปล่ากับเงาตัวเอง ในวันที่ร่างกายอ่อนแอและหัวใจเดียวดาย ทรมานสุดแสน สิ่งที่ฉันทำได้เพียงซบหน้าแล้วสะอื้นไห้ ปล่อยความหนักหน่วงภายในไหลทะลักออกมา ไหลออกมาพร้อมน้ำตาแห่งความอาดูร
ครั้งหนึ่งฉันเคยเขียนจดหมายถึงเธอ ‘เริ่มต้นที่ 0.00 น.’ และฉันพยายามทำอย่างนั้นเรื่อยมา แต่นับจากนี้ หลังคราบน้ำตาจางหาย ฉันจะเดินทางสู่ 0.00 น. ไม่ว่าเวลาสำหรับฉันจะมีอีกยาวนานแค่ไหน ทุกย่างก้าวจะมุ่งสู่ 0.00 น. เท่านั้น และเมื่อถึงวินาทีนั้นหวังว่าฉันจะไม่มีห่วงใดๆ อีก
ค่ำคืนโหดร้าย
กลางมีนาฯ 2553 02.45 น.
ขณะฉันเขียนจดหมายอยู่นี้นาฬิกาบอกเวลา 01.35 น. มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันควรจะนอนหลับพักผ่อน แทนมามัวนั่งถ่างตาเขียนจดหมายถึงเธอ แท้จริงฉันไม่ได้นั่งถ่างตาแต่อย่างใดเลย เพราะดวงตาฉันมันแข็งค้างด้วยความเจ็บปวดทางกายรุมเร้า ฉันเข้านอนตอนเข็มนาฬิกาเดินเลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อย และพลิกตัวกลับไปกลับมาจนกระทั่งก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที
ฉันไม่สบายอีกแล้ว ปวดไปหมด มันรุนแรงกว่าที่เคยเป็นมา แน่นอนนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ทุกครั้งมันไม่มากเท่านี้ แทบจะไม่รู้สึกรู้สาด้วยซ้ำ แต่ความเจ็บปวดคราวนี้มันทำให้ฉันหวาดหวั่น
เธอจะเชื่อมั้ยถ้าวินาทีนี้ฉันจะบอกเธอว่าฉันกำลังนึกถึงความตาย เธอคงนึกหัวเราะเยาะว่าไยฉันถึงได้ตื่นตูมไปได้ถึงเพียงนั้น ฉันเชื่ออยู่อย่างหนึ่งนะสหายรัก ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพียงกะพริบตา
ญาติสาวของฉันคนหนึ่ง อายุเพียงแค่สามสิบต้นๆ เธอแข็งแรงดีมาตลอด แต่เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้รับข่าวว่าเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าอยู่ได้อีกไม่เกินหกเดือน
ฉันกลัวจังเลย
กลัวว่าสิ่งที่ฉันริเริ่มจะเดินทางไปไม่ถึงจุดหมาย ไม่ปรารถนาให้มีสิ่งใดค้างคาเลย ห่วงไปสารพัด ความผูกพันทรมานอย่างนี้เอง มันรัดรึงจนฉันดิ้นไม่หลุด
ที่ผ่านมาฉันเคยมั่นใจตลอดว่าตนเองไม่กลัวความตาย ยังนึกเยาะคนอื่นที่คิดกลัว ยังเคยบอกใครๆ ว่าจะหวั่นไปไยหากชีวิตต้องสิ้นสุดเพียงแค่นี้ ดีสิ สิ้นเวรสิ้นกรรมกันชาตินี้ไปเริ่มกันใหม่ชาติหน้า แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันกลับตัวสั่นงันงก ตลกสิ้นดี
เคยได้ยินคำกล่าวแสนคลาสสิกประโยคหนึ่งมานานแล้ว
“จงทำวันนี้ให้ดีที่สุดเสมือนมันเป็นวันสุดท้ายในชีวิตคุณ”
คิดมาตลอดว่าจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อมั่นใจอยู่เสมอว่าวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปยังมีสำหรับเรา แต่บัดนี้ไม่มั่นใจเสียแล้วว่าวันพรุ่งนี้จะยังมีสำหรับฉันอีกหรือเปล่า?
ค่ำคืนเคว้งคว้างอย่างนี้โดดเดี่ยวเหลือเกิน ไม่มีใครเลยให้อุ่นใจ หันไปทางไหนก็เจอแต่ความว่างเปล่ากับเงาตัวเอง ในวันที่ร่างกายอ่อนแอและหัวใจเดียวดาย ทรมานสุดแสน สิ่งที่ฉันทำได้เพียงซบหน้าแล้วสะอื้นไห้ ปล่อยความหนักหน่วงภายในไหลทะลักออกมา ไหลออกมาพร้อมน้ำตาแห่งความอาดูร
ครั้งหนึ่งฉันเคยเขียนจดหมายถึงเธอ ‘เริ่มต้นที่ 0.00 น.’ และฉันพยายามทำอย่างนั้นเรื่อยมา แต่นับจากนี้ หลังคราบน้ำตาจางหาย ฉันจะเดินทางสู่ 0.00 น. ไม่ว่าเวลาสำหรับฉันจะมีอีกยาวนานแค่ไหน ทุกย่างก้าวจะมุ่งสู่ 0.00 น. เท่านั้น และเมื่อถึงวินาทีนั้นหวังว่าฉันจะไม่มีห่วงใดๆ อีก
ค่ำคืนโหดร้าย
กลางมีนาฯ 2553 02.45 น.