นิทานก่อนนอน : เจ้าหญิงน้อยกับน้องกระต่ายแสนรัก

กาลครั้งหนึ่งนานมานักหนาแล้ว มีเมืองวิจิตรตระการเมืองหนึ่ง มีพระราชา พระราชินีเป็นผู้ครองนคร ทั้งสองมีพระราชธิดาเป็นเจ้าหญิงองค์น้อย

วันหนึ่งภายในพระราชวังมีงานสมโภชรื่นเริง พระราชาและพระราชินีจูงแขนธิดาน้อยไปเที่ยวชมงาน พระธิดาทรงทอดพระเนตรเห็นกระต่ายขาวตัวหนึ่ง พลันทรงนึกอยากเลี้ยง จึงทรงอ้อนวอนขอต่อพระบิดา แต่พระราชาทรงเห็นว่าพระธิดายังเยาว์วัยนัก ความรับผิดชอบรึก็ยังน้อยนิด จะให้เลี้ยงสัตว์เห็นจะไม่เป็นการควร แต่เจ้าหญิงน้อยแม้ยังเยาว์ชันษาก็มีพระปรีชาฉลาดล้ำ เมื่อทรงรู้ว่าพระบิดาไม่อนุญาตแน่แล้ว เธอก็ทิ้งตัวลงนอนชักแหง็กๆ ๆ ๆ อยู่บนพื้นต่อหน้าธารกำนัลตรงนั้นไม่ยอมลุก เหล่าประชาชนพากันเมียงมองให้ความสนใจ จนพระราชาไม่อาจนิ่งอยู่เฉย จำใจต้องอนุญาต โดยขอสัญญาต่อเจ้าหญิงน้อยว่า เจ้าหญิงน้อยต้องให้อาหารเจ้ากระต่ายทุกวัน เจ้าหญิงฉีกยิ้มบานแฉ่งพยักหน้าหงึกๆ และวันนั้นเจ้าหญิงน้อยก็ได้จูงน้องกระต่ายกลับพระตำหนัก (ลีลาชักแหง็กๆ ๆ ๆ ของเจ้าหญิงน้อยในวันนั้น มีคนหัวใสนำไปดัดแปลงเป็นท่าเต้นแรพที่โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้)

เจ้าหญิงน้อยรักและทะนุถนอมน้องกระต่ายมาก ทรงดูแลอย่างดี ให้อาหารทุกวันไม่เคยขาด (อ้อ...ดูเหมือนจะลืมบอกไปหน่อย เจ้ากระต่ายตัวนี้พิเศษกว่ากระต่ายทั่วไป ตรงที่มันกินแต่เหรียญเงินและเหรียญทองเป็นอาหารเท่านั้น) ผ่านไปวันแล้ววันเล่าเจ้ากระต่ายน้อยยิ่งอ้วนท้วนสมบูรณ์ จนเจ้าหญิงไม่อาจยกอุ้มได้อีกต่อไป

วันหนึ่งเจ้าหญิงต้องเสด็จประพาสต่างพระนคร เพราะไม่อาจยกน้องกระต่ายขึ้นอุ้มพาไปไหนด้วยได้ จึงทรงฝากฝังให้พระบิดาและพระมารดาช่วยดูแลน้องกระต่ายน้อย ทั้งสองพระองค์รับปากเป็นมั่นเหมาะ เจ้าหญิงน้อยจึงวางพระทัย เที่ยวเล่นอย่างสราญบานเบิก

แต่แล้วเมื่อกลับมาถึงพระราชวัง เจ้าหญิงน้อยต้องหัวใจแหลกสลาย เพราะน้องกระต่ายน้อยแสนรักโดนฆาตกรรมอย่างอำมหิตโหด**ม เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ(นำทีมโดยแพทย์หญิงคุณหญิงพรพิษ)ระบุว่าเจ้าโจรใจโฉดใช้ไม้หน้าสามทุบน้องกระต่ายจนหัวแบะ และใช้ดาบซามูไรคว้านท้องขโมยเหรียญเงินเหรียญทองในท้องของน้องกระต่ายไปจนหมดสิ้น

ยิ่งได้ฟังเจ้าหญิงน้อยยิ่งโศกาอาดูรจนไม่เป็นอันกินอันนอน แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าหญิงน้อยทรงคิดได้ว่าไม่ควรปล่อยให้เจ้าฆาตกรลอยนวลอยู่ได้ ทรงสลัดความทุกข์ตรม ออกว่าการในท้องพระโรง สอบสวนทุกคนในพระราชวังด้วยพระองค์เอง แต่ไม่ว่าจะสอบสวนใครต่อใครก็ไม่อาจจับมือใครดมได้ จึงส่งราชองครักษ์ฝีมือเยี่ยมออกสืบหาตัวคนร้ายไปทั่วทุกหัวระแหง แต่สุดท้ายเหล่าราชองครักษ์มากฝีมือเหล่านั้นก็คว้าน้ำเหลวกลับมา(ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเจ้าองครักษ์ต้องคว้าน้ำเหลว บางทีเจ้าพวกนั้นอาจคว้าน้ำแข็งมาก็ได้ แต่กว่าจะเดินทางกลับถึงพระราชวัง น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำเหลวไปหมดแล้ว – เจ้าหญิงน้อยทรงพระเดา)

ผ่านไปวันแล้ววันเล่าความเศร้าใจเริ่มคลายลงบ้าง แต่ความคิดถึงทำให้เจ้าหญิงน้อยยังคงรำพึงรำพันถึงน้องกระต่ายอยู่ไม่เว้นวาย แต่ทรงไม่เข้าใจเลยว่ายามใดที่พระองค์รำพึงรำพันถึงน้องกระต่ายต่อหน้าพระบิดาและพระมารดาคราใด ไยทั้งสองพระองค์ถึงได้มีท่าทีอึกๆ อักๆ ไม่กล้าสบตาเจ้าหญิงน้อย บางทีตามใบหน้าตามตัวพระบิดาและพระมารดาก็มีเหงื่อแตกด้วย เจ้าหญิงน้อยไม่เข้าใจเลย

จนถึงเดี๋ยวนี้เจ้าหญิงน้อยก็ยังไม่อาจหาตัวฆาตกรที่ฆาตกรรมน้องกระต่ายแสนรักได้ และเจ้าหญิงน้อยก็ยังคิดถึงน้องกระต่ายน้อยอยู่เสมอ





นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...




ในเรื่องราว:
1 Response
  1. ไม่ระบุชื่อ Says:

    ต้องการสื่ออะไรไห้โลกรู้


แสดงความคิดเห็น