เธอที่รัก...
ฉันเพิ่งเดินทางไกลไม่นานมานี้ ไกลในระยะทางซึ่งนานๆ ทีฉันจะมีโอกาสสักครั้ง อันที่จริง ถ้าจะพูดถึงโอกาสฉันคงหาได้ไม่ยากเย็น เสียแต่ฉันมีข้อแม้ให้ตัวเองมากไปหน่อย การเดินทางของฉันจึงจำต้องเข้าข่าย ‘นานๆ ที’ ไปโดยปริยาย แต่คราวนี้ฉันพยายามกำจัดข้อแม้เหล่านั้นออกไปได้ และฉันก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
ก็แค่...ตัดสินใจ และยืนยัน
บนขบวนรถไฟมุ่งหน้าสู่เมืองหนาวของสยามประเทศ กลับพาหัวใจฉันโบยบินย้อนวันสู่วัยเยาว์ นับเนื่องได้ราวเกือบสิบปีแล้วสินะ ภาพความทรงจำสีสดใสเหล่านั้นมาเต้นเร่าอยู่เบื้องหน้า ละม้ายว่าวันวารในรอบเกือบสิบปีเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันนี้เอง
เด็กสาวกลุ่มหนึ่งนัดแนะกันไปนอนบ้านเพื่อน เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย บ้านที่เราตกลงใจจะไปขออาศัยค้างชั่วคราวเป็นบ้านของเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่คนละกลุ่ม ฉันรู้จักเธอในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ไม่สนิทสนมเท่าเพื่อนสนิท แต่ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอันใดเลยในเมื่อเพื่อนในกลุ่มฉันก็ตกลงใจจะไปค้างที่นั่นกันทั้งหมด
เรานัดแนะกันอย่างนั้นจวบจนกระทั่งวันหรือสองวันก่อนเดินทาง
เช้าวันหนึ่งมีคนมาบอกยกเลิกแผนการทั้งหมด เพื่อนในกลุ่มทุกคนจะไปรวมตัวกันที่บ้านเพื่อนอีกคน ซึ่งเป็นบ้านเพื่อนในกลุ่มของเราเอง ใครคนหนึ่งมาถามฉันว่าจะเอาอย่างไร ไปกับพวกเขา หรือจะไปตามแผนการเดิม? นั่นหมายความว่าถ้าฉันเลือกไปกับพวกเขา ฉันจะพรั่งพร้อมด้วยเพื่อนทั้งกลุ่ม แต่ถ้าฉันยืนยันความตั้งใจเดิม ฉันก็ต้องแตกกลุ่มไปคนเดียว
แต่แม้จะรู้อย่างนั้นฉันก็ยังเลือกอย่างหลัง
ฉันรู้ดีทีเดียวว่าทำไม? บางครั้งเราก็ต้องเลือกกระทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อยืนยันความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ยืนยันกับใครเลย แต่ยืนยันกับหัวใจของเรานี่แหละ ว่าไม่มีใครมามีอิทธิพลเหนือความคิดการตัดสินใจของเราได้ ครั้งหนึ่งแม่เคยบอกว่าฉันติดเพื่อน เพราะเลิกเรียนทีไรฉันมักทำตัวเหลวไหลกลับบ้านล่าช้าเสมอ แต่เปล่าเลย ฉันรู้ดีแก่ใจทีเดียวว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างแม่ว่าสักนิด และการตัดสินใจในคราวนั้นก็ยืนยันได้ดี
เราย่อมได้อะไรบางอย่างจากการเดินทางเสมอ การเดินทางในคราวนั้นก็เช่นกัน
เด็กสาวคนหนึ่งมานั่งรอฉันอยู่แล้วที่จุดนัดพบ ทันทีที่เราเจอกันเธอยิ้มให้ แล้วเดินนำฉันไปขึ้นรถโดยสารเพื่อมุ่งหน้าสู่บ้านเธอ ระหว่างการเดินทางฉันครุ่นคิดกังวลสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะ ทางบ้านเธอจะเป็นอย่างไร จะยินดีต้อนรับฉันมั้ย พ่อแม่เธอใจดีหรือเปล่า ฉันจะอึดอัด หรือเจ้าของบ้านจะอึดอัดไหมนะ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็เดินทางถึงจุดหมาย บ้านของเธอเป็นบ้านไม้สองชั้นขนาดกะทัดรัด ทาสีเหลืองสดใส สมาชิกครอบครัวมีทั้งหมดหกคน พ่อ แม่ ลูกชายสอง และลูกสาวสอง เธอเป็นคนสุดท้อง ฉันมีโอกาสได้เจอพี่ชายและพี่สาวของเธออย่างละคน ความกังวลทั้งหมดทั้งมวลของฉันมลายหายไปทันทีที่ฉันได้ทำความรู้จักกับพ่อและแม่ของเธอ พ่อเป็นข้าราชการครู ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน ท่านทั้งสองใจดีและมีเมตตา แม่ลุกขึ้นมาทำอาหารตั้งแต่ยังไม่สว่างเพื่อให้เราได้ทานก่อนไปสอบทุกวัน และเมื่อกลับถึงบ้านในตอนเกือบค่ำก็มีอาหารรอพร้อมอยู่บนโต๊ะ ก่อนนอนในแต่ละคืนเราพูดคุยกันสารพัดเรื่อง ทั้งเรื่องครอบครัวของเธอ ครอบครัวของฉัน ความฝันของเราทั้งสอง เรื่องเพื่อน เรื่องครู อนาคตข้างหน้า ถึงบัดนี้ฉันจำไม่ได้แล้วว่าฉันใช้เวลาอยู่ที่นั่นกี่วันกี่คืน แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นก็ทำให้ฉันได้รู้จักเธอผู้เป็นเพื่อนของฉันมากขึ้น ได้เห็นความผูกพันอันแสนอบอุ่นในครอบครัวเธอ แค่เวลาไม่กี่วันที่นั่นทำให้ฉันรู้จักเธอมากกว่าเวลาทั้งสามปีที่เราคบกันในห้องเรียนเสียอีก
แม้ผลสอบจะไม่ออกมาตามหวัง แต่ประสบการณ์ในครั้งนั้นทำให้รู้ว่าตัดสินใจไม่ผิด
เธอที่รัก การเดินทางในครั้งนี้ก็เช่นกัน กับเพื่อนกลุ่มเดิม และการเปลี่ยนแผนการกะทันหันซ้ำรอยเดิม ฉันก็ยังยืนยันความตั้งใจเดิม บนขบวนรถไฟที่มีฉันกับเพื่อนอีกคน บนเส้นทางที่ไม่เคยคุ้น ไม่อาจรู้ได้ว่ามีอะไรรอเราอยู่ข้างหน้า
แต่การเดินทางย่อมให้อะไรบางอย่างกับเราเสมอ คราวนี้ก็อีกนั่นแหละ ฉันคงไม่ต้องบอกเธอหรอกนะว่าฉันได้อะไรมาบ้าง ถ้าเธอเคยเดินทาง เธอก็คงรู้
ระลึกถึงเสมอ
หญิงสาวบนดวงดาวความฝัน
ปลายกุมภาพันธ์ 2554
ฉันเพิ่งเดินทางไกลไม่นานมานี้ ไกลในระยะทางซึ่งนานๆ ทีฉันจะมีโอกาสสักครั้ง อันที่จริง ถ้าจะพูดถึงโอกาสฉันคงหาได้ไม่ยากเย็น เสียแต่ฉันมีข้อแม้ให้ตัวเองมากไปหน่อย การเดินทางของฉันจึงจำต้องเข้าข่าย ‘นานๆ ที’ ไปโดยปริยาย แต่คราวนี้ฉันพยายามกำจัดข้อแม้เหล่านั้นออกไปได้ และฉันก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
ก็แค่...ตัดสินใจ และยืนยัน
บนขบวนรถไฟมุ่งหน้าสู่เมืองหนาวของสยามประเทศ กลับพาหัวใจฉันโบยบินย้อนวันสู่วัยเยาว์ นับเนื่องได้ราวเกือบสิบปีแล้วสินะ ภาพความทรงจำสีสดใสเหล่านั้นมาเต้นเร่าอยู่เบื้องหน้า ละม้ายว่าวันวารในรอบเกือบสิบปีเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันนี้เอง
เด็กสาวกลุ่มหนึ่งนัดแนะกันไปนอนบ้านเพื่อน เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย บ้านที่เราตกลงใจจะไปขออาศัยค้างชั่วคราวเป็นบ้านของเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่คนละกลุ่ม ฉันรู้จักเธอในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ไม่สนิทสนมเท่าเพื่อนสนิท แต่ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอันใดเลยในเมื่อเพื่อนในกลุ่มฉันก็ตกลงใจจะไปค้างที่นั่นกันทั้งหมด
เรานัดแนะกันอย่างนั้นจวบจนกระทั่งวันหรือสองวันก่อนเดินทาง
เช้าวันหนึ่งมีคนมาบอกยกเลิกแผนการทั้งหมด เพื่อนในกลุ่มทุกคนจะไปรวมตัวกันที่บ้านเพื่อนอีกคน ซึ่งเป็นบ้านเพื่อนในกลุ่มของเราเอง ใครคนหนึ่งมาถามฉันว่าจะเอาอย่างไร ไปกับพวกเขา หรือจะไปตามแผนการเดิม? นั่นหมายความว่าถ้าฉันเลือกไปกับพวกเขา ฉันจะพรั่งพร้อมด้วยเพื่อนทั้งกลุ่ม แต่ถ้าฉันยืนยันความตั้งใจเดิม ฉันก็ต้องแตกกลุ่มไปคนเดียว
แต่แม้จะรู้อย่างนั้นฉันก็ยังเลือกอย่างหลัง
ฉันรู้ดีทีเดียวว่าทำไม? บางครั้งเราก็ต้องเลือกกระทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อยืนยันความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ยืนยันกับใครเลย แต่ยืนยันกับหัวใจของเรานี่แหละ ว่าไม่มีใครมามีอิทธิพลเหนือความคิดการตัดสินใจของเราได้ ครั้งหนึ่งแม่เคยบอกว่าฉันติดเพื่อน เพราะเลิกเรียนทีไรฉันมักทำตัวเหลวไหลกลับบ้านล่าช้าเสมอ แต่เปล่าเลย ฉันรู้ดีแก่ใจทีเดียวว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างแม่ว่าสักนิด และการตัดสินใจในคราวนั้นก็ยืนยันได้ดี
เราย่อมได้อะไรบางอย่างจากการเดินทางเสมอ การเดินทางในคราวนั้นก็เช่นกัน
เด็กสาวคนหนึ่งมานั่งรอฉันอยู่แล้วที่จุดนัดพบ ทันทีที่เราเจอกันเธอยิ้มให้ แล้วเดินนำฉันไปขึ้นรถโดยสารเพื่อมุ่งหน้าสู่บ้านเธอ ระหว่างการเดินทางฉันครุ่นคิดกังวลสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะ ทางบ้านเธอจะเป็นอย่างไร จะยินดีต้อนรับฉันมั้ย พ่อแม่เธอใจดีหรือเปล่า ฉันจะอึดอัด หรือเจ้าของบ้านจะอึดอัดไหมนะ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็เดินทางถึงจุดหมาย บ้านของเธอเป็นบ้านไม้สองชั้นขนาดกะทัดรัด ทาสีเหลืองสดใส สมาชิกครอบครัวมีทั้งหมดหกคน พ่อ แม่ ลูกชายสอง และลูกสาวสอง เธอเป็นคนสุดท้อง ฉันมีโอกาสได้เจอพี่ชายและพี่สาวของเธออย่างละคน ความกังวลทั้งหมดทั้งมวลของฉันมลายหายไปทันทีที่ฉันได้ทำความรู้จักกับพ่อและแม่ของเธอ พ่อเป็นข้าราชการครู ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน ท่านทั้งสองใจดีและมีเมตตา แม่ลุกขึ้นมาทำอาหารตั้งแต่ยังไม่สว่างเพื่อให้เราได้ทานก่อนไปสอบทุกวัน และเมื่อกลับถึงบ้านในตอนเกือบค่ำก็มีอาหารรอพร้อมอยู่บนโต๊ะ ก่อนนอนในแต่ละคืนเราพูดคุยกันสารพัดเรื่อง ทั้งเรื่องครอบครัวของเธอ ครอบครัวของฉัน ความฝันของเราทั้งสอง เรื่องเพื่อน เรื่องครู อนาคตข้างหน้า ถึงบัดนี้ฉันจำไม่ได้แล้วว่าฉันใช้เวลาอยู่ที่นั่นกี่วันกี่คืน แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นก็ทำให้ฉันได้รู้จักเธอผู้เป็นเพื่อนของฉันมากขึ้น ได้เห็นความผูกพันอันแสนอบอุ่นในครอบครัวเธอ แค่เวลาไม่กี่วันที่นั่นทำให้ฉันรู้จักเธอมากกว่าเวลาทั้งสามปีที่เราคบกันในห้องเรียนเสียอีก
แม้ผลสอบจะไม่ออกมาตามหวัง แต่ประสบการณ์ในครั้งนั้นทำให้รู้ว่าตัดสินใจไม่ผิด
เธอที่รัก การเดินทางในครั้งนี้ก็เช่นกัน กับเพื่อนกลุ่มเดิม และการเปลี่ยนแผนการกะทันหันซ้ำรอยเดิม ฉันก็ยังยืนยันความตั้งใจเดิม บนขบวนรถไฟที่มีฉันกับเพื่อนอีกคน บนเส้นทางที่ไม่เคยคุ้น ไม่อาจรู้ได้ว่ามีอะไรรอเราอยู่ข้างหน้า
แต่การเดินทางย่อมให้อะไรบางอย่างกับเราเสมอ คราวนี้ก็อีกนั่นแหละ ฉันคงไม่ต้องบอกเธอหรอกนะว่าฉันได้อะไรมาบ้าง ถ้าเธอเคยเดินทาง เธอก็คงรู้
ระลึกถึงเสมอ
หญิงสาวบนดวงดาวความฝัน
ปลายกุมภาพันธ์ 2554
แสดงความคิดเห็น