ยอดมิตรคนดี

วิปริตอาเพศคงเกิดแก่ดวงดาวเราทั้งสอง สภาพดินฟ้าอากาศถึงได้ปรวนแปรเกินทานรับ เมื่อไม่นานมานี้เกิดแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์กวาดกลืนชีวิตผู้คนนับเรือนหมื่น ฉันติดตามข่าวสารด้วยความหวาดตระหนก และหดหู่ยิ่งนัก

ผ่านเรื่องร้ายนั้นมาไม่นานก็ทราบข่าวว่าเกิดเหตุน้ำท่วมในอีกพื้นที่หนึ่ง ผู้คนเดือดร้อนกันถ้วนทั่ว ฉันจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้านี่มันจะไม่ใช่ฤดูร้อน! ผู้คนพากันบ่นระงม พร้อมกับคำถามที่ฉันได้ยินครั้งแล้วครั้งเล่า

“มันเกิดอะไรขึ้น?!”

ใช่...มันเกิดอะไรขึ้น?! คำถามที่ฉันก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน นักวิชาการหลายฝ่ายพยายามให้เหตุผลน่ารับฟัง เชื่อถือได้ แต่ฉันก็สงสัยอีกแหละว่า ดาวดวงนี้มันวิปริตผิดปกติไปหมดแล้วใช่มั้ย? มันจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม มันจะดำเนินไปในรูปรอยใหม่ นำพาสรรพชีวิตไปสู่เส้นทางสายหายนะ มีบางสิ่งคืบคลานเข้ามาราวหมอกจางๆ ห้อมล้อมอยู่รอบตัวเรา ลอยอวลอยู่โดยที่เราไม่รู้เนื้อรู้ตัว และวันดีคืนดีมันจะคายพิษร้ายพล่าผลาญพวกเราสักครั้ง

เหมือนกับที่มันเกิดขึ้น

ฉันไม่ได้โทษมันหรอก มนุษย์สมควรโดนพล่าผลาญ เราทำร้ายทำลายดวงดาวอย่างอมหิตเลือดเย็น แม้จะมีใครสักคนร้องแรกแหกกระเชอ ให้ผู้คนส่วนใหญ่หยุดคิด หยุดหันหลังกลับมามองสิ่งที่ตัวเองกระทำ แต่มันสายไปแล้วเธอจ๋า ต่อให้เยียวยาอย่างไรบาดแผลบนดวงดาวก็ไม่มีวันเหมือนเดิม และที่ร้ายยิ่งกว่าคือ ไม่มีใครคิดเยียวยาจริงจัง การรณรงค์ต่างๆ เกิดขึ้นแค่ประเดี๋ยวประด๋าว ราวคลื่นกระทบฝั่ง วูบเดียวแล้วจางหาย แล้วผู้คนก็หลงระเริงเพิ่มบาดแผลเหวะหวะให้ดวงดาวนับแสนนับล้านรอย เรากิน เราใช้ เราสูบเลือดเนื้อดวงดาวของเรา แล้วเราก็ทิ้งซากกากเดนละเลงดวงดาว

เธอว่าสมควรมั้ยที่พวกเราจะต้องชดใช้?!

ที่ซึ่งฉันพักอาศัยอากาศหนาวมานับสัปดาห์ แม้ฉันจะชื่นชอบฤดูหนาว แต่อากาศหนาววิปริตในช่วงฤดูร้อนก็ไม่อาจทำใจให้ชื่นชอบได้ลง ยามย่างเท้าออกจากที่พัก ลมหนาวพัดวูบ เสียดไปถึงกระดูก เดินผ่านตึกรามบ้านช่อง ผ่านผู้คนมากมาย พวกเขาล้วนสวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ กอดอกห่อตัวเองมิดชิด พลันให้คิดไปถึงฉากในละครซีรีส์ ที่ตัวละครสวมสเวตเตอร์ทับเสื้อโค้ทคลุมสะโพก สวมถุงมือแล้วซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทอย่างมิดเม้น หายใจออกมาทีเป็นควันลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ดูละครคราวใดก็คิดว่าช่างเป็นบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกเสียนี่กระไร แต่เมื่อมาเจอกับตัวในฤดูแปลกเปลี่ยนเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่หนาวจัดขนาดนั้น ก็รู้สึกว่าบรรยากาศช่างซึมเซาเศร้าสร้อยยิ่งนัก

หรืออาจจะเพราะข่าวหดหู่หลายข่าวประดังประเดก็เหลือจะเดา

เจ้านกพิราบที่ริมระเบียงมันเปลี่ยนที่ทำรังใหม่อีกแล้ว รังเก่าของมันอยู่บนพื้นตรงร่องสะดือระบายน้ำ ฟักไข่สองฟองก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย จู่ๆ วันหนึ่งไข่ของมันหายไปฟองนึงอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้แต่ปริศนาดำมืดให้ผู้อยู่เบื้องหลังอย่างฉันเฝ้าคิดสงสัยว่ามันหายไปได้อย่างไร แต่เจ้านกผู้เป็นพ่อเป็นแม่คงไม่เดือดร้อนใจ เจ้าตัวแม่ทิ้งรังและไข่หนึ่งฟองที่เหลือออกเริงร่อนไปได้พักหนึ่ง ก็กลับมาป้วนเปี้ยนอยู่บนระเบียงใหม่อีกรอบ คราวนี้กลับมาทำรังในกระถางต้นไม้ เรี่ยมเร้ยิ่งกว่าเก่า เผลอแป็บเดียวก็ไข่ออกมาให้ฟักอีกสองฟอง และตั้งแต่นั้นมันก็นอนฟักไข่ใหม่ในรังใหม่ ทิ้งไข่เก่าในรังเก่าให้นอนโต้ลมหนาวเดียวดายไม่ไยดี

บนระเบียงเริ่มมีกลิ่นอึของมันโชยมาบ้าง บางวันหงุดหงิดฉันก็อยากไล่มันไปให้พ้นๆ แต่เมื่อคิดว่าช่วงนี้อากาศกำลังหนาว ขนาดฉันสวมเสื้อตัวหนาห่มผ้าหนาๆ ยังนอนสั่น แล้วมันมีแต่ขนคลุมตัว หากไล่ไปเผชิญลมหนาวข้างนอกจะทุกข์ทนแค่ไหน ก็จำตัดใจให้มันนอนกกไข่ไปอย่างนั้น ถึงอย่างไรเราก็สัตว์ร่วมโลกเดียวกัน

ขออวยพรให้ทุกชีวิตผ่านพ้นคืนวันเลวร้ายไปได้ด้วยดี


สหายน้อยของเธอ
ห้องน้อยในสายลมหนาว
ปลายมีนาคม 2554



1 Response
  1. DiN Says:

    ขยันอัพหน่อยเซ่ขะรับ นิยายไงเอามาลงบ้าง ผู้น้อยจะได้ดึงฟีดไปที่บล็อก เปิดหน้าเด็กดีไม่ขึ้นนานแล้ว


แสดงความคิดเห็น