อีกวันที่ฉันมาขลุกอยู่ในห้องนี้ ห้องแสนคุ้นเคย คล้ายมันเป็นอีกห้องของฉันไปเสียแล้ว จำไม่ได้ว่าถือกุญแจอีกชุดหนึ่งของห้องนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จำได้ว่าตั้งแต่นั้นมา ฉันต้องหาเวลามาห้องนี้อาทิตย์ละครั้ง

กับบรรยากาศร่มรื่น สดชื่น สงบเงียบ เย็นสบายด้วยสายลมพัดผ่าน นกน้อยแวะมาร้องเพลงให้ฟังในบางห้วงยาม บ้างจับคู่จู๋จี๋กันเอง บางครั้งอาจเจี๊ยวจ๊าวด้วยประชากรนกที่เกาะกลุ่มกันหลายตัว ทำให้เห็นความมีชีวิตชีวาในมุมเล็กๆ อีกมุมหนึ่ง

ทุกครั้งที่ตั้งใจมายังจุดหมายแห่งนี้ ฉันมักมีโปรแกรมในหัวเสียดิบดี แน่นอนว่ามันก็ไม่พ้นไปจากเขียนนิยาย ไม่ก็อ่านหนังสือ แต่ใครเลยจะรู้ว่าทุกครั้งที่มา ฉันไม่เคยอ่านหนังสือจบเล่ม และเขียนนิยายได้ไม่เคยเกิน 5 หน้ากระดาษ ทั้งที่อยู่ห้องตัวเองท่ามสรรพเสียงสารพันรายล้อม ฉันเคยเขียนได้ถึง 15 หน้าในหนึ่งวัน

อาจเพราะความสดชื่นเกินไป สงบเกินไป เย็นสบายเกินไป หรือรื่นรมย์เกินไปก็ไม่แน่ แต่ถึงกระนั้นฉันก็ยังแวะมาทุกสัปดาห์

เจ้าของห้องเคยบอกว่าช่วงหน้าฝนจะได้ยินเสียงกบเสียงเขียดร้องกันระงม ชวนให้นึกถึงบรรยากาศบ้านทุ่งดีแท้ ฉันอยากลองสัมผัสกลิ่นอายแบบนั้นในซอกมุมของเมืองใหญ่แบบนี้ดูบ้าง จินตนาการได้เลยว่ามันจะเป็นยังไง และทุกครั้งที่คิดความรู้สึกฉันจะฟองฟูเหมือนลูกโป่งที่บวมลมอยู่ภายใน

ฉันเคยอยู่ในห้องนี้ขณะฝนตกหลายครั้ง กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ขณะนั้นฉันอยู่คนเดียว และแน่นอนว่าฉันจะหยุดทุกกิจกรรมเพื่อไปนั่งมองสายฝนอยู่ตรงประตูริมระเบียง ริ้วฝนหล่นลงเป็นม่านไม่ขาดสาย ตกลงกระทบหลังคาคล้ายเสียงดนตรีในดินแดนลี้ลับที่มีเพียงศานติสุขเท่านั้นสำหรับผู้เหยียบย่างเข้าไปคอยกล่อมประโลม

ละอองฝนที่ผ่านเข้ามาห้อมล้อมรอบกาย คล้ายเพื่อนเก่าโอบกอดด้วยอ้อมแขนคุ้นเคย

ครั้งหนึ่งฉันเคยอยู่ในห้องนี้กับเจ้าของห้องในวันที่ฝนโปรยปรายช่วงเย็นโพล้เพล้ พระอาทิตย์จวนเจียนจะลับขอบฟ้าเต็มที ฉันมองไม่เห็นขอบฟ้าหรอก ในเมืองใหญ่ที่มีตึกสูงเสียดฟ้ารายล้อมอยู่แบบนี้ จะมีช่องว่างพอให้เห็นขอบฟ้าได้อย่างไร แต่แสงสว่างรำไรรอบกายขณะนั้นทำให้คาดเดาห้วงเวลาได้ไม่ยากนัก

กับสายฝนที่สาดซ่าอยู่เบื้องนอก และเสียงเพลงสบายๆ ที่คลออยู่ในห้องท่ามกลางแสงนีออนสว่างจ้า กับกลิ่นหอมกรุ่นของมาม่าร้อนๆ เสียงพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่มาพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเราสองคน มันไม่ใช่สิ่งดียิ่งใหญ่อะไรในชีวิต แต่มันเป็นสิ่งดีเล็กๆ ที่ทำให้ห้วงความทรงจำขณะหนึ่งมีค่าเกินประมาณ

มีคนไม่กี่คนในโลกกว้างใหญ่นี้ที่เรายินดีสื่อสารด้วยหัวใจ หนึ่งในไม่กี่คนของฉันมีเธอรวมอยู่ด้วย เจ้าของพักหมายเลข 304 ห้าปีกว่าในความสัมพันธ์ของเราฉันไม่อาจบอกได้ว่าแสนสั้นหรือยาวนาน เหนียวแน่นหรือเปราะบาง แต่หากไม่นับคนในครอบครัว เธอคือคนแรกที่ฉันจะนึกถึงเมื่อไม่สบายใจ ถ้านั่นหมายความว่าเธอเป็นคนพิเศษของฉัน ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ฉันจะปฏิเสธ

ฟ้าครึ้มมาอีกแล้ว อีกไม่นานฝนคงตก แม้ฉันจะยังไม่ได้ยินเสียงกบเสียงเขียดร้องกันระงมอย่างที่เธอเคยบอก แต่ยามฝนตกอากาศเย็นแบบนี้ได้นึกถึงเรื่องอุ่นหัวใจก็ดีไม่น้อย


ด้วยรัก
ห้องพัก 304 ประชาสงเคราะห์ 23
07/09/52

ในเรื่องราว:
11 Responses
  1. DiN Says:

    เกลาภาษาซะเกลี้ยงกลึงเทียวนะขะรับ


  2. ใครบอกว่าเกลา เทคเดียวผ่านต่างหากล่ะ

    ระดับนี้แล้ว ต้องให้เกลาอีกเหรอ? :)

    ----------

    ป.ล.สำนวนข้าพเจ้าพอจะพาเข้าประตูหลังวัดได้แล้วใช่มั้ยทั่น?


  3. DiN Says:

    อ้าว..จะรีบเผาทำไมล่ะขะรับ:)


  4. DiN Says:

    สายแล้วสวัสดิ์ทั่น

    ยินดีได้ทราบว่านิยานท่านยังคงเขยิบไปหน้า (รบกวนแวะบอกกล่าวเรื่อย ๆ นะขอรับ) ข้าพเจ้าเองวิบากกรรมยังไม่สิ้น กว่าซ่อมขนำเสร็จสูญตัวเลขของเดือนสิงหาฯ เข้ากันยาฯ ยังเหลือใส่กลอนหน้าต่าง กับเก็บปัดรอบ ๆ เผาเศษไม้ที่ปลวกกินทิ้งไว้ เอาไว้ค่อย ๆ ทำ ยกมือไหว้ล่ำลานายช่างจำเป็น คิดว่าจะได้ตั้งหน้าเขียนหนังสือ กลับเกิดอาการรากฟันอักเสบ บวมฉึ่งไปครึ่งคาง เจ็บเข้าไส้ เจ็บจนชาไปครึ่งริมฝีปากยังคาง ไม่ได้หลับนอน ฟันกรามอีกข้างที่เคยอุดไว้ก็มาอักเสบตามทั้งไม่มีรอยแตกอะไร เป็นอันปวดเบิ้ลเคี้ยวอะไรก็น้ำตาซึม (ท่านไม่ต้องน้ำตาซึกไปด้วยดอกนะ) ยาแก้ปวดที่หมอจ่ายให้ก็เอาไม่อยู่ หมอฉีดยาชาจะเอาหนองออกกลับยังไม่มีหนอง แต่มันปวดบวมขึ้นเรื่อย ๆ

    นี่ก็เพิ่งฟายน้ำตากินข้าวต้มมื้อเช้าเข้าไปนิดหน่อยพอให้ได้กินยา (ยาระคายกระเพาะ) หมอนัดอีกทีวันพุธ ระหว่างนี้ข้าพเจ้าต้องนั่งลุ้นให้อาการเจ็บอยู่ในระดับพอทน ไม่ถึงกับพุ่งกระฉุดจนแทบทะลุเพดานทนพิษบาดแผลไม่ไหวอย่างที่ผ่านมา

    เพิ่งได้รับหนังสือสั่งซื้อทางเน็ตพอได้เป็นข้อมูลโครงเค้าสำหรับ 'กาลครั้งหนึ่ง' ข้าพเจ้าจะรื้อกาลครั้งหนึ่งโดยถอยหลังฉากไปยุคกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยาฯ

    ยากที่ไม่มีภูมิรู้ทั้งฉากภูมิประเทศ เครื่องใช้เครื่องแต่งกาย ภาษา มองหาหนังสือที่พอจะศึกษาก็กันดารเสียเหลือเกิน คงต้องค้นทางเน็ตไปเขียนไป

    ถึงตอนนี้คิดให้เสร็จวันสิ้นตุลาฯ เห็นจะยากเต็มกลืน แม้หวังพึงนิยายท่านซึ่งกำลังเดินหน้าด้วยดีกู้หน้าอย่าให้ต้องเสียทีพม่าเอ๊ย! ท่านอ้ายที่เที่ยวนี้มาฟิต (เขียนนิยาย เขียน 'เส้นทางฯ' ยังมีเวลาอารมณ์แจม 'บางบอนฯ' ชะช่า!) กระนั้นข้าพเจ้าก็ยังหวังทำสถิติให้ตัวเอง เขียนเรื่องนี้ให้จบภายในกำหนดจงได้

    ขอท่านรักษาสุขภาพจงดี อย่าได้มีโรคาพยาธิเบียนเบียด เพื่อนำพาเรื่องที่กำลังเขียนไปสู้เส้นชัย ไม่พลาดพลั้งเสียทีต้องเสียชื่อค่ายในการศึกครานี้

    คารวะ


  5. เข้าบ่ายสวัสดิ์ท่านดิลล์ที่เคารพ

    กลับบ้านคราวนี้มีเน็ตให้เล่นด้วยแฮะ โชคดีเป็นบ้า เสด็จพี่ชายเอาโน้ตบุ๊กมาด้วยเจ้าค่ะ ใช้ซิมวันทูคอลต่อ(รู้ซึ้งหัวอกบวกใช้ซิมการ์ดก็คราวนี้ กว่าจะโหลดมาได้แต่ละหน้าข้าพเจ้าไปนอนรอสักตื่นยังได้เลย) รู้งี้เอาทรัมไดรมาด้วยก็ดี ข้าพเจ้าอุตส่าห์เซฟข้อมูลเก็บใส่ลิ้นชักล็อกกุญแจไว้อย่างดี

    อ้อ คอมพ์ที่ห้องข้าพเจ้าอาการหนักหนาสาหัสสากัลย์ยากจะเยียวยาแล้วเจ้าค่ะ จะเขียนนิยายตะละทีข้าพเจ้าก็พึ่งโน้ตบุ๊กของพระสหาย ตอนแรกเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ในทรัมไดรอย่างเดียว หวั่นเหลือเกินว่ามันจะหายไปในหลุมดำ ตอนนี้เลยฝากข้อมูลบางส่วนไว้ในโน้ตบุ๊กเพื่อนชุดหนึ่ง คอมพ์ที่ห้องเพื่อนอีกชุดหนึ่ง พอมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ต้องทยอยอัพอยู่เรื่อยๆ ค่อยหายห่วงไปอย่าง

    เมื่อคืนกลับมาถึงบ้านตอนตีสองครึ่งด้วยนโยบายประหยัดน้ำมันของเสด็จพี่ชายคอยเตือนคนขับอยู่เนืองๆ เข็มไมล์ขึ้นเกินหนึ่งร้อยเสียงก็มาแระ

    "เฮ้ย ขับช้าๆ หน่อยเว้ย ประหยัดน้ำมัน ประหยัดน้ำมัน อย่าลืมนโยบายของเรา"

    เล่นเอาสิบสองชั่วโมงแน่ะกว่าจะถึงบ้าน แต่ก็ดีเจ้าค่ะ เห็นบอกว่าประหยัดค่าน้ำมันได้มากกว่าคราวก่อนโขเลย

    กินข้าวตอนตีสามเสร็จสลบไปตามๆ กัน

    รับทราบอาการของทั่นแล้วให้นึกเป็นห่วงจริงๆ เลยเจ้าค่ะ ข้าพเจ้าไม่เคยมีอาการปวดฟันหรอกนะ(โชคดีที่ไปอุดทันตอนมันเริ่มผุใหม่ๆ) แต่คนรอบตัวข้าพเจ้าเคยปวดกันหลายคนแล้ว เห็นอาการแล้วให้นึกหดหู่ตามไปด้วย ไม่รู้จะบอกไงดี แต่ข้าพเจ้าว่ามันเป็นโรคทีน่ากลัวโรคหนึ่งเลยเชียวแหละ

    ก็ได้แต่หวังให้ทั่นผ่านช่วงเวลาแย่ๆ นี้ไปได้ด้วยดี

    เรื่องนิยายอย่าได้ฝากความหวังไว้ให้มากนักนะทั่น อย่าลืมว่าข้าพเจ้าตั้งเป้าหมายให้เสร็จสิ้นปีนะเจ้าคะ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าอาจหาเวลาเอ้อระเหยเป็นช่วงเป็นคราวก็ได้นะทั่น ยิ่งนิยายเดินมาถึงครึ่งเรื่องด้วยเวลารวดเร็วขนาดนี้ข้าพเจ้าอาจหลงระเริงเสียสักช่วง ...ก็ไม่แน่

    วันนี้มีเวลาลอยลมอยู่ที่บ้านทั้งวัน(แดดที่บ้านร้อนเหลือใจ) พรุ่งนี้จะเดินทางไปบ้านญาติที่ทุ่งใหญ่ นอนโน่นหนึ่งคืน วันพฤหัสมีงานทำบุญกันที่บ้านนั้นเจ้าค่ะ กลับมานอนที่บ้านอีกคืน แล้วจะกลับกรุงเทพฯ กันประมาณ 10 โมงวันศุกร์ ข้าพเจ้าว่าก็ดีแล้วนะกลับตอนกลางวันจะได้ไม่ต้องหวั่นพวกแก๊งปาหิน ขามาก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ มาทีหนึ่งแระ

    แล้วเจอกันวันเสาร์เจ้าค่ะ ขอร่างกายทั่นกลับมาปกติสุขในเร็ววัน มีความสุขกับงานบุญเดือนสิบนะเจ้าคะ

    ด้วยความเคารพ
    สายลม


  6. DiN Says:

    ตะวันยอแสงสวัสดิ์ทั่น

    แสงแสดเรื่อชมพูม่วงอยู่หลังเงาตาล พรายน้ำกระเพื่อมวงหากอกก คุควันลุงเพิ่มเผาหญ้ายังลอยอ้อยอิ่ง มีนกบินตัดฟ้า เคลื่อนไหวทว่าไร้สรรพสำเนียง

    ฟ้าโดยรอบเรื่อเงาลอยปอยเมฆทึมเทา มีก็แต่หย่อมแสงแสดตรงหน้าค่อย ๆ ราแสงทีละน้อย

    ข้าพเจ้าวางโต๊ะเขียนหนังสือชิดหน้าต่างขนำด้านตะวันตก เพื่อที่ว่าตอนเช้าจะได้นั่งเขียนหนังสือมิต้องพะวงแรงแดดอรุณ แต่จนแล้วจนรอดชีพจรอักขระก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างที่ควรเป็น

    เสร็จซ่อมขนำกลับต้องระกำกับปวดรากฟัน (ฟันที่เคยรักษารากกำเริบฤทธิ์ กรามอีกข้างที่อุดไว้ร่วมวงไพบูลย์เจ็บเสียวขึ้นมาด้วย ทำเอาข้าพเจ้าตั้งหลักตั้งตัวไม่ติด เคี้ยวข้าวทีน้ำตาซึมเหมือนกินข้าวพลางดูบ้านทรายทอง)

    ยาแก้อักเสบแก้ปวด (รุนแรง) ก็ระคายกระเพาะ กินนานเข้ากระเพาะอักเสบเริ่มถามหา เมื่อคืนสะดุ้งตื่นตอนดึก ไม่เป็นอันหลับนอน

    รากฟันยังบวมริมฝีปากชาไปถึงคาง รู้สึกคล้ายจะมีไข้ตลอดเวลา (ยาคงระงับอาการไว้)

    ช่วงแรกก็พะวงใจ จดจ่ออยู่แต่ว่าจะต้องเขียนหนังสือให้ทันกำหนด ยิ่งโดนอาการเจ็บเล่นงานยิ่งกังวล เห็นกิจธุระเป็นขวางหูขวางตาเพราะต้องกระทำทั้งร่างกายยังแทบพาตัวเองไม่รอด พานออกอาการหงุดหงิด จนต้องถอยใจกลับมาอยู่ที่ปล่อยวาง

    ยังมีวันอังคารพาพ่อไปตรวจเบาหวานประจำเดือน ต้องขับรถไปสงขลาทั้งร่างกายกำลังย่ำแย่ หมดเรื่ยวหมดแรงเพราะประทังท้องด้วยข้าวต้มมาหลายมื้อ (เพิ่งกินข้าวสวยเมื่อวาน)กระเพาะอาหารอักเสบยังมากำเริบ อดหลับอดนอน วันพุธหมอฟันนัดถอน (คิดว่าจะไปต่อรอง กะยื้อไว้สุดฤทธิ์)

    หลังเสร็จจากเรื่องฟัน ยังไม่ทราบโชคชะตาจะงัดไม้ไหนมาเล่นงานข้าพเจ้าอีก

    เรื่องนั้นเราคงไม่มีทางล่วงรู้ ที่รู้คือไม่ว่าจะมาไม้ไหน ข้าพเจ้าจะยังเขียนหนังสือ ตอนนี้ตัวอักษรไม่คืบหน้าเพราะภาพในใจยังไม่ชัดพอ ยังอยากรออ่านของ 'รพีพร' ดูว่าท่านนำเสนอไว้อย่างไร?

    วันก่อนไปหาหมอฟันแวะเซเว่นฯ ที่ปั้ม เจอแผ่น 'พระนเรศวร' คว้ามาทั้งสองภาคเพราะคิดจะเอาไว้ดูตอนที่มีเรื่องของ 'ท้าวศรีสุดาจันทร์' กลับถึงขนำคิดขึ้นได้ 'อ้าว..อยู่ในเรื่องสุริโยทัยนี่นา' (นั่นล่ะทั่นอาการเบลอ)

    ความเร่งร้อน เสียดายวันเวลาเกาะกุมใจมากอยู่เป็นธรรมดา แต่จำต้องเคลื่อนใจมาอยู่เสียที่ตำแหน่งปล่อยวาง ปล่อยวันเวลาผ่านไป ทำเท่าทำได้ เขียนให้สนุก!

    ปลอบใจตัวเองอยู่อย่างนี้ล่ะท่าน

    สิ่งที่ข้าพเจ้าร่ำร้องเรียกหาคือชีวิตประจำวันที่ปล่อยวาง ปราศความเครียดแรงกดดันจากรอบด้าน เมื่อได้มาแล้ว ไยข้าพเจ้ายังสร้างข้อกำหนดกฏเกณฑ์มาบีบคั้นจิตใจให้เร่าร้อนอีกเล่า

    ดูเหมือนจะเขียนไม่ทันกำหนดแน่แล้ว แต่รอข้าพเจ้าเสร็จเรื่องฟันก่อนเถอะ ไม่แน่..อาจท็อปฟอร์มก็ได้

    ฟ้ามืดมิดมองไม่เห็นอะไรแล้ว ขอบฟ้าทุกด้านกลับมาเสมอเหมือนกันไม่อาจแยกแยะ ตะวันลับฟ้าดำรงอยู่เพียงชั่วขณะ ชั่วขณะที่สวยงาม สงบงัน หากคิดด่ำความงามคงทำได้ชั่วครู่คราว จากนั้นก็จะมีเพียงความมืดมิด หนาวเย็นยาวนาน ที่ชีวิตต้องทำคืออยู่ให้ได้ในทุกสภาวะ อยู่เพื่อตระหนักว่า..ในความมืดมิดหิ่งห้อยน้อยจึงพราวแสง ในเหน็บหนาวจึงสัมผัสไออุ่นของหัวใจ..

    ตัวหนังสือยังคงเดินหน้าต่อไป

    ขนำน้อย
    ริมหน้าต่างตะวันตกดิน


  7. เข้าเย็นสนธยาสวัสดิ์เจ้าค่ะสหายปลายนา

    แอบมาสอดจดหมายกันตอนโพล้เพล้เลยเหรอเนี่ย ข้าพเจ้าล่ะอิจฉาชีวิตสุขสงบนะกระท่อมปลายนาซะจริงเชียว

    พี่ชายของข้าพเจ้าคนนึงก็อยู่ขนำเจ้าค่ะ เมื่อก่อนตอนที่พี่แกมีความรักขนำน่าอยู่มากเลย มีไม้ดอกไม้ประดับแขวนกันระย้าเห็นแล้วชื่นตาสบายใจ ในตุ่มก็มีน้ำใสเย็นชวนดื่ม ขนำสะอาดสะอ้านน่าพักน่านอน อยู่ห่างไกลผู้คนสงบเงียบ สายลมพัดพลิ้วมาเป็นระยะ เพราะเป็นพื้นที่โปร่งไม่มีทิศไหนมีสิ่งปลูกสร้างเกะกะกำบังลม

    เป็นปลายนาเหมือนกันเจ้าค่ะ แต่ติดถนนใหญ่ อยู่ห่างไกลหมู่บ้านออกไปราวสักกิโลคงได้กระมัง รอบขนำมีบ่อน้ำขนาบซ้ายขวา ด้านหน้าอดีตเคยเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งขาว ตอนนี้เปลี่ยนเป็นบ่อเลี้ยงปลาไปแล้ว(เลี้ยงแบบธรรมชาติน่ะเจ้าค่ะ หามาปล่อยแล้วให้มันหากินเอง กลับบ้านไปคราวนี้ สูบน้ำจับปลาขายได้ตั้งเกือบหมื่น) ขอบบ่อหน้าขนำมีสะพานยื่นออกไปพอให้ออกไปนั่งเล่นได้ ขอบบ่อด้านอื่นเป็นโคกปลูกพริกกับแตง แซมด้วยกล้วย มะเขือ เมื่อก่อนแม่เอามันเทศไปฝั่งพอจะขุดขายได้บ้าง ตอนนี้หมดพันธุ์แล้ว แต่ยังมีต้นขนุนกับชมพูทับทิมแซม

    แม่บอกว่าปีก่อนขนุนเป็นลูก กินกันไม่หวาดไม่ไหว ขายก็แล้ว แจกก็แล้ว ยังเหลือ(ยังได้ฝากรถตู้ของคนรู้จักมาให้ได้กินกันถึงกรุงเทพฯด้วยแน่ะ) ต้องผ่าทิ้งให้ไก่กิน ชมพูทับทิมเพิ่งเป็นลูกครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว(ชำกิ่งมาจากบ้านญาติอีกทีนะทั่น สองสามต้น) เป็นลูกดกเต็มต้นกินกันไม่ทัน คนรู้จักผ่านไปผ่านมาแวะเก็บไปคนละสี่ห้ากิโลฯ

    พื้นที่ถัดไปรอบๆ เป็นทุ่งนา นั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกได้สบาย ข้ามถนนไปอีกฝั่งจะพบคูน้ำริมถนนที่มีบัวหลวงเต็มไปตลอดทั้งแนว ช่วงน้ำหลากยิ่งน่ามองใหญ่ กลีบบัวส่ายไหวอยู่ในสายลมเหนือผิวน้ำ ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ยอดข้าวก็เอนลู่ระน้ำอยู่ในสายลมไม่ต่างกัน(ข้าพเจ้าจินนาการถึงสมัยเด็กน่ะทั่น ข้าพเจ้าเคยล่องน้ำไปเก็บบัวเล่น ตอนนี้ไม่รู้ว่าช่วงน้ำหลากบรรยากาศต่างๆ จะยังงดงามเหมือนภาพในความทรงจำหรือเปล่า แต่นั่งรถผ่านยังเห็นบัวหลวงอยู่เต็มคู)

    จะปีก่อนๆ หรือปีนี้ รอบๆ ขนำยังอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม แต่ตัวขนำทรุดโทรมผุพังด้วยผู้อยู่อาศัยไม่ใคร่สนใจจะดูแล หลังคาผุพังเป็นรูโหว่ ฝนตกทีน้ำก็รั่วนองที ฝาขนำตับจากก็หลุดระเนระนาด หยากไย่ขี้ฝุ่นขึ้นให้เต็มขนำไปหมด พื้นที่รอบๆ ที่ติดขนำมีหญ้าขึ้นรกเรื้อไปทั่ว ต้นไม้ที่เคยห้อยระย้าเหี่ยวแห้งเฉาตายไม่เหลือสักต้น

    แม่ให้เงินพี่ชายไปปรับปรุงขนำก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนรู้จักที่ไปมาหาสู่ขนำแห่งนั้นบ่อยๆ เสนอจะช่วยลงแรงซ่อมแซมปรับปรุงให้ พี่ชายก็ไม่จัดการ ยิ่งนับวันขนำยิ่งทรุดโทรมลงจนคนในบ้านไม่มีใครอยากเข้าไป(แต่คนนอกบ้านยังไปมาหาสู่กันคึกคักเจ้าค่ะ พี่ชายของข้าพเจ้าคนนี้แกชอบคบเพื่อน)

    ข้าพเจ้ายังฝันว่าสักวันขนำนั้นคงได้กลับมาน่าอยู่ น่านั่ง น่านอนเหมือนเดิม ข้าพเจ้าเคยนั่งจินตนาการเล่นๆ ว่าสักวันจะได้ไปนั่งเขียนนิยายที่นั่นบ้าง ไม่แน่นะ บางทีข้าพเจ้าอาจได้ไปอยู่ปลายนาไม่ต่างทั่น ^^


    ความเป็นห่วงเป็นใยไม่สบายใจเมื่อทราบเรื่องไม่สบายกายของสหายยังมีอยู่ล้นปรี่ หวังก็เพียงให้สหายผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปได้ในเร็ววัน หรืออย่างน้อยก็ให้จิตใจสงบไม่รุ่มร้อนไปตามสภาพรอบตัวที่รุมเร้า

    ไม่ว่าจะยังไงข้าพเจ้าก็ห่วงใยทั่นเสมอ

    ห้องน้อย
    ขอบเตียงพัดลมโกรก


  8. DiN Says:

    นั่งเขียนนิยายขนำปลายนา
    ปล่อยวันเวลาเลื่อนไหลไป..

    จะเป็นข้างบ่อปลา คูบัว
    หรือ ห้องน้อยพัดลมโกรก

    ก็เป็นขนำปลายนาเสมอ
    ตราบเท่าที่เราผ่านชีวิตประจำวันด้วยงานที่รัก

    ขนำน้อย
    ลมสงบ


  9. จะบอกว่าถ้าปลายนาอยู่ที่ใจ
    จะอยู่ที่ไหนๆ ก็เป็นปลายนางั้นเหรอ?

    งั้นข้าพเจ้าเอาปลายนาออกจากใจ
    เปลี่ยนคฤหาสน์หลังใหญ่มาใส่ไว้แทน
    ท่านว่าเป็นไง?

    จะอยู่ปลายนาหรืออยู่ห้องรูหนู
    ก็เหมือนได้อยูคฤหาสน์โก้หรู สบายจริงแฮ เนอะ


  10. DiN Says:

    ช่ายเลย..

    -ชายน้อย-


  11. DiN Says:

    ผลตามหาหนังสือสุดขอบฟ้าเป็นอย่างไรบ้างทั่น?
    มีข่าวดีบ้างไหม?

    คารวะ


แสดงความคิดเห็น