๏ อ้อมกอดดาวดื่นของคืนหนาว
กับอกผ่าวรติรสเกินปลดเปลี่ยน
ความลึกล้ำซ่านซาบวาบไหวเวียน
จนจารเจียรอุ่นเอื้อสู่เนื้อใจ

งามละไมในรักเฝ้าถักร้อย
ทุกเสี้ยวรอยงดงามความหวามไหว
กำซาบซึ้งเสี้ยวส่วนล้วนความนัย
ละมุนใยโยงร้อยเป็นถ้อยคำ

ส่งเป็นสารแนบรักสู่ตักอุ่น
ที่เคยคุ้นชิดชื่นทุกคืนค่ำ
ลำนำพจน์ร่ายบทเพลงบรรเลงล้ำ
กล่อมคืนค่ำหอมหวานด้วยม่านมนต์

ให้เพลงดาวพราวแสงพริบแต่งสรวง
ได้โชติช่วงพราวพร่างสว่างสถล
กระจ่างเนตรเจตจินต์ถวิลยล
นภดลเลื่อมพรายลายราตรี

เย็นลำลมโบกโบยมาโชยชื่น
ระรินรื่นหอมเฟื้อยระเรื่อยรี่
แมกไม้ป่าผกาไพรในพงพี
ร่ายไมตรีหอมฟุ้งมาปรุงโปรย

กับดึกดื่นคืนค่อนไม่นอนแนบ
นั่งอิงแอบอุ่นดาวอกผ่าวโผย
กระซิบแผ่วแว่วกระแสอยู่แดโดย
ชื่นลมโชยชายเผดียงมาเพียงพิณ

งามรัตติพิศุทธิ์ สุรโลก
มวลสุโนกว่ายจันทร์บรรสานศิลป์
การเวกกล่อมกาลวิมานดิน
ท่ามอวลกลิ่นกุสุมาลย์ พิมานแมน

หอมกลิ่นกรุ่นอุ่นอาบกำซาบรัก
หอมยิ่งนักกว่าลดาพนาแสน
อุ่นอ้อมใดไหนเปรียบมาเทียบแทน
ไม่เหมือนแม้นอ้อมรักจักตราตรึง

เป็นลำนำขับขาน ณ กาลดึก
ประกายพรึกเจิดวิจิตรยามคิดถึง
ร้อยอักษรกลอนคำในรำพึง
ว่าสุดซึ้งคะนึงห่วงสุดดวงใจ

จะแดนดินถิ่นสรวงสุดห้วงภพ
จารบรรจบไมตรีที่มีให้
ใต้นภาฟ้ากว้างใช่ห่างไกล
หากสองใจยลดารา...ฟ้าเดียวกันฯ

ในเรื่องราว:
5 Responses
  1. ทานข้าวหรือยัง?


    พุ่มฮัก


  2. มื้อเมื่อวานตอนเย็นน่ะทานแล้ว
    มื้อเช้าวันนี้ยังไม่ได้ทาน
    มาทานด้วยกันมั้ย?

    ว่าแต่ ท่านเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้โฆษณาอายิโนะโมะโต๊ะเหรอ?
    เจอใครๆ ถึงได้ถามแต่เรื่องกิน


  3. DiN Says:

    ๑ นิยายโรแมนซ์ เ็ป็นสูตรนิยายสำหรับนักอ่านสาว ๆ (รวมทั้งสาวแก่แม่หม้าย) พระเอกหล่อล่ำ นางเอกหุ่นเ้ช้งกระเด๊ะ มีฉากเข้าพระเข้านางแทบทุกบท จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง สาว ๆ ชอบอ่านกันหนักหนา (บางคนอ่านเป็นลัง) เพราะเนื้อหาชวนฝันไปแสนไกล ซึ่งก็ไม่มีพิษภัยอันใด

    แต่ให้มีเหตุบังเอิญ ช่วงหลังมานี้มีำสำนักพิมพ์ แอนด์ บอกอจอมพลิ้วเกรงคนอ่านจะจินตนาการช่วงเข้าได้เข้าเข็มไม่แจ่ม เลยแอบสอดไส้บทบรรยายแบบเห็นกันจะจะ (คือว่ามันขายดีน่ะ) เดือดร้อนถึงสันติบาล มีคนแจ้งจึงต้องตามจับในงานสัปดาห์ฯ บอกอจอมพลิ้วตีหน้าเซ่อถามตำรวจว่าต้องบรรยายอย่างไรถึงไม่เข้าข่าย..จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง

    ๒ ข้าพเจ้าเคยลองหยิบงานกิ่งฉัตรมาดู เพราะใคร่รู้ว่าเธอเขียนอย่างไรไยนักอ่าน (สาว ๆ )หลงใหลเสียนัก อย่างที่เคยเรียนทั่น อ่านไปได้สองหน้าต้องยอมวาง ไม่ใช่แนวเขียนที่ข้าพเจ้าถนัดอ่าน แต่ดูแล้วเหมาะกับสาวไทย (รวมไปถึงสาว ๆ ฝั่งลาว) มั่ก ๆ (ตลาดกลุ่มใหญ่เีชียว) เลยแจกแจงให้ท่านฟังไม่ได้ ท่านคงต้องหยิบมาดูเองเสียล่ะกระมัง

    ๓ เสน่ห์เป็นรสนิยมปัจเจก หลายครั้งเสน่ห์ต้องตรงกัน หลายคราเสน่ห์ไปคนละทิศละทาง และอีกหลายหนเสน่ห์เป็นแค่คำนิยม

    สำหรับกับข้าพเจ้า ยังไม่เห็นเสน่ห์ในงานท่านเลยสักกะติ๊ด คงเพราะพบงานท่านมาน้อยกว่าน้อย เหมือนเห็นสาวในที่ไกล มองไม่ทันชัดตา เดินผ่านเพียงแว่บวูบ กลิ่นยังไม่ทันถึงกายก็หายไปแล้ว คงยากบอกว่าหญิงนั้นมีเสน่ห์หรือไม่ หรือท่านยางฯ หมายถึงงานกลอน?

    เอ้า! ว่ากันด้วยงานกลอนต่อก็ได้

    ลายกลอนท่านยังเพิ่งเดินทางจากไม่มีสัมผัสนอกมาถึงโค้งสละสลวย ได้กลอนสวย ๆ อีกสักสิบหัวเพื่อทำความเข้าใจและคุ้นใจ เพื่อเข้าโค้ง 'หยิบมาใช้ได้ดังใจ' (โดยไม่ต้องพึ่งศัพท์สูง)

    ผู้น้อยเองยังหาเห็นเสน่ห์อันใด

    แต่หากท่านจะบีบคอ 'บอกมานะ! ไม่บอกล่ะฮึมม์!' ให้บอกให้ได้ ก็เห็นจะขอบอกว่าเสน่ห์ในงานท่านคือ เขียนต่อเนื่อง

    ในจำนวนสหายทั้งหมดยุคที่ข้าพเจ้าเข้าสำนัก เต็มด้วยพวกกรำอักขระ ลายอักษรเหลือกำลัง แต่ทั้งหมดขาดความต่อเนื่อง ใช้อารมณ์เสียโดยมาก มีอยู่ท่านเดียว ลายอักษรเหมือนแกะบล็อก ออกมาถูกต้องตรงหลักภาษา ดูแข็งทื่อไม่พลิ้วเหมือนสหายที่เหลือ แต่ท่านทำงานต่อเนื่อง เอาจริงจัง เหมือนนักวิ่งมาราธอนที่ขยับเท้าไม่หยุด ท่านถึงมาไกลกว่าคนอื่น ๆ (ท่านคิดออกไหมใคร? คนเดียวจริง ๆ)

    และเป็นสิ่งสำคัญที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากท่านเจ้าสำนัก เขียนอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด (ใครจะวิพากษ์ แอนด์ วิจารณ์ อย่างไรช่างกบาลมัน!)(มีนะทั่น รับคำชมมาก ๆ กลายเป็นกระต่ายนอนรับลมข้างทาง หากคิดไม่ออกลองคิดถึงมือรางวัลทั้งหลายเถอะ หายไปไหนกันหมด)

    หากท่านคิดรักษาเสน่ห์ไว้ ขอให้รักษา 'การเขียนอย่างต่อเนื่อง' ประดุจปลาร้ารักษาความเค็ม!

    ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว คงนั่งทบทวนนิยายได้สักสองสามบรรทัด ก่อนออกไปเข็นน้ำมาไว้ใช้ประจำวัน

    สุขสรรวันอังคารนะทั่นนะ
    คารวะ

    คนข้างบนนั่นแวะมาขอข้าวกินเหรอ..


  4. ก๊อกๆ

    เสน่ห์มีกันทุกคนนั่นแหละจ้า ขึ้นอยู่กับมุมมองความคิดของผู้อ่านว่าจะรู้สึกต่องานเขียนของเราแบบไหน

    อย่างผมนี่หลงเสน่ห์งานวินทร์ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน และก็หลงรักเรื่อยมา แต่งานช่วงหลังๆเป็นต้นว่า "บุหงาปารี" นั้น ผมแทบจะขูดกระดาษหาดูว่าท่านซ่อนเสน่ห์ไว้ตรงซอกไหน แต่ก็หาไม่เจอ

    แต่ใช่ว่างานชิ้นนั้นของท่านครูจะไร้เสน่ห์

    หรืออย่าง "บางกะโพ้ง" นั้น ผมและหัวใจของผมก็ยังกล้าเอามานินทาเล่นๆว่า "ไม่ถึงว่ะ" โดยพยายามดมดูว่าพอจะมีกลิ่นโคลนสาบควายเจือมาระหว่างบรรทัดหรือไม่ ปรากฏว่าดมเท่าไหร่ก็ไม่ได้กลิ่น แต่หากจะพิจารณาประเด็นในแง่ที่ว่า สิ่งสำคัญที่ท่านสื่อออกมานั้นคือวิทยาศาตร์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ยิ่งการดำรงชิวิตแบบบ้านนอกยิ่งพบกับวิทยาศาตร์ได้ง่าย ข้อนี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าท่านชโลมเสน่ห์มาเต็มพิกัด แล้วใครจะกล้าแย้งว่างานชิ้นนี้ไร้เสน่ห์ล่ะครับ

    ยกตัวอย่างงานวินทร์ เพราะท่านตัวใหญ่ มองเห็นได้ชัดนะครับ

    นินทาด้วยรัก มิใช่ว่ากล่าวในทางร้าย

    ทีนี้มาถึงงานเขียนของแม่พระพายบ้าง ผมขอเจือกสักนิดนะขอรับ

    สำหรับงานกลอน ผมเห็นด้วยกับทวด แต่สำหรับงานเขียนอื่นๆเช่นเรื่องสั้นหรือนิยาย อาจเป็นด้วยเพราะผมมีโอกาสเสพงานเขียนของท่านแม่พระพายน้อยเกินไป จึงยังรู้สึกเหมือนที่ทวดว่า แต่ทั้งนี้ งานเขียนชุด "จดหมายจากดาวสีน้ำเงิน" ก็มีบางบทที่เผยเสน่ห์บางอย่างให้ผู้อ่านสัมผัสได้ แม่พระพายมองไม่เห็นรึ?

    ทวดบอกมาก็น่าฟัง ในความรู้สึกของผม ทวดคนนี้มีดีที่ประสบการณ์ชีวิต(ไม่เช่นนั้นผมจะเรียกทวดเรอะ)ดังนั้นไม่ว่าแกจะพูดอะไร ผมก็จำเป็นต้องเงี่ยหูฟังเอาประโยชน์ แม้บางทีท่านจะไม่ได้พูดกับผมก็เถอะ

    บ้านหนอนก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความใคร่ขีดเขียนทุกลมหายใจของเหล่าสมาชิกเสียแล้ว แม้ทวดจะพยายามร้องแรกแหกกระเชอจนคอแหบคอแห้ง แต่ก็ยังเงียบฉี่ ก็น่าเห็นใจแก ผมเองก็เคยหนีหน้าห่างหายไปนาน จนกระทั่งมือแข็งขึ้นสนิม กลับมาอีกครั้งจับต้นชนปลายไม่ถูก แอบเชื่ออยู่เงียบๆว่าทวดคงสมน้ำหน้าผมข้างขวดไฮเนเก้นอยู่ปลายนาระโนดนั่นแล้ว ผมกลับมาพบสมาชิกใหม่หลายท่านที่มีฝีมือเก่งกล้าสามารถ และอีกหลายท่านที่คงต้องพูดว่าต้องลุ้นเอาใจช่วยให้เขาเขียนต่อไปอย่ายอมแพ้ แม่พระพายขอรับ ในความรู้สึกของผม แม่พระพายอยู่ระหว่างกึ่งกลางของสองกลุ่มนี้

    อยากให้แม่เข้ามาร่วมวงเสวนาวรรณกรรมของเราเหลือเกิน เคยเห็นไหมครับ งานเขียนที่เราคิดว่าเจ๋งแล้ว พอเปิดโอกาสให้สหายวิจารณ์ด้วยความจริงใจ บางครั้งเราถึงกับต้องผงะหงายหลังเพราะคำวิจารณ์นั้น

    ผมโดนมากับตัวแล้วครับ

    และเคยเห็นไหมครับ งานเขียนชิ้นแรกของเราที่ได้ตีพิมพ์ในนิตยสาร เราดีใจแทบจะเป็นบ้า แต่สหายของเราบางท่านกลับบอกในทำนองว่า "เหรอ? แล้วไง? อย่าดีใจไปเลย...ฯลฯ"

    ผมโดนมากับตัวแล้วครับ

    ไม่อยากพูดเลยว่าสหายท่านนั้นคือใคร โน่นแน่ะ เห็นโพกผ้าขาวม้าเดินไปไหนก็ไม่รู้


  5. สวัสดีท่านผู้เถ้า ณ ปลายนา และสหายอักษรากลางเก่ากลางใหม่(พี่พุ่มของน้องพาย)

    ขอบพระคุณท่านดิลล์สำหรับคำตอบของคำถามต่างๆ ที่ข้าพเจ้าไปหย่อนลงในกล่องจดหมายบ้านท่าน ไม่คิดว่าท่านจะมาตอบรวดเร็วปานฉะนี้ ไอ้เรารึก็นอนกระดิกเท้ารอว่าจะเข้ามาอ่านวันเสาร์ ให้เวลาท่านหลายๆ วันเพราะเห็นว่าช่วงนี้ท่านกำลังขับเคี่ยวอยู่กับพ่ออาทิตย์แม่หญิงสไบ แต่ท่านดันแจ้นมาตอบให้ตั้งแต่วันอังคาร เป็นอันว่าข้าพเจ้านอนกระดิกเท้าเสียเวลาเปล่าๆ ปลี้ๆ

    เข้าใจความหมายของนิยายโรแมนซ์แล้วเจ้าค่ะ นิยายของข้าพเจ้าอาจอยู่หมวดนี้หรืออาจไม่ได้อยู่หมวดนี้ ฟังคำตอบท่านข้าพเจ้าคงสรุปไม่ได้ต้องให้ผู้อ่านเป็นคนตัดสินเสียแล้ว ที่ถามท่านไปก็เพราะข้าพเจ้าเองก็บอกไม่ได้ว่านิยายที่ตัวเองเขียนจัดอยู่ในประเภทไหนกันแน่ ที่เมาท์กระจายกับท่านเมื่ออาทิตย์ก่อนมีสะกิดใจมาสองคำคือ ‘นิยายโรแมนซ์’ กับ ‘นิยายตลาด’ ข้าพเจ้าจึงสรุปเอาว่านิยายที่เขียนคงเข้าข่ายนิยายตลาดเสียล่ะมากกว่า

    ท่านจำได้มั้ย ครั้งหนึ่งเราเคยคุยกัน สมัยที่นิยายของข้าพเจ้ายังย่ำต๊อกอยู่ช่วงร้อยหน้านิดๆ และยังไม่มีวี่แววว่าจะเขียนจบ ข้าพเจ้าเคยบอกท่านว่า ข้าพเจ้าอ่านนิยายแนวประโลมโลกย์มาเยอะ ยิ่งอ่านมากๆ ยิ่งขัดใจ บางเรื่องไม่ได้อย่างใจตรงนั้น บางเรื่องไม่ได้อย่างใจตรงนี้ และนั่นก็คือเหตุผลที่ข้าพเจ้าเขียนนิยาย ก็แค่... อยากให้คู่รักคู่หนึ่งได้อย่างใจเราทุกอย่าง

    ก็อย่างว่าแหละ เรื่องเล็กๆ มักทำให้เราได้ค้นพบบางอย่างที่ยิ่งใหญ่(อันนี้ข้าพเจ้าขอละไว้ในความเข้าใจตน)

    นี่แน่ะท่าน ถ้าว่ากันถึงเรื่องการอ่านนิยายโรมานซ์ ข้าพเจ้าอ่านมากกว่าลังอีกเจ้าค่ะ ^^” ถ้าทำชั้นหนังสือขนาดเท่าฝาบ้าน ไอ้ที่ข้าพเจ้าอ่านไปนี่เห็นทีคงเก็บเข้าชั้นไม่หมดซะแล้ว เหมือนกับที่ท่านบอกว่า ‘เสน่ห์เป็นรสนิยมปัจเจก’ ขอแปลในทำนองของข้าพเจ้าว่า ‘ความชอบเป็นรสนิยมปัจเจก’

    แล้วข้าพเจ้าจะหยิบงานของกิ่งฉัตรมาอ่านสักวัน อันที่จริงก็เคยหยิบมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน แต่ต้องวางกลับไปทุกที เพราะเล่มมันหนาไปบ้างล่ะ อ่านสองสามหน้าแรกแล้วไม่ดึงดูดเท่าไหร่บ้างล่ะ(อันนี้ไม่ใช่ว่างานเค้าไม่ดี แต่เพราะความชอบเป็นรสนิยมปัจเจกไงท่าน)

    คำว่า ‘เสน่ห์ในงานเขียน’ ข้าพเจ้านั่งครุ่นคิดเสียเป็นวรรคเป็นเวรว่ามันเป็นยังไง เราจะรู้ได้ยังไง เราจะสัมผัสมันได้ยังไง ที่ถามท่านไม่ใช่จะถามว่างานเขียนของข้าพเจ้ามีเสน่ห์มั้ย แต่จะถามว่าอะไรกันที่เขาเรียกว่าเสน่ห์ ข้าพเจ้าลองนึกย้อนดูงานเขียนต่างๆ ที่เคยอ่าน(เท่าที่ประสบการณ์การอ่านน้อยนิดของข้าพเจ้าจะพึงมี) กลับไม่พบความรู้สึกของคำว่าเสน่ห์เลย นอกจากจะบอกได้เพียงแค่ งานนี้ชอบ งานนี้ไม่ชอบ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกฉงนฉงายและสนใจอยากทำความรู้จักกับเจ้า ‘เสน่ห์ในงานเขียน’ ก็จากท่านยางฯ นี่แหละ(แถมท่านยางฯยังบอกว่างานข้าพเจ้ามีเสน่ห์ ข้าพเจ้ายิ่งงงเป็นไก่ตาแตก)

    ‘ศัพท์สูง’ คำนี้ขอถามเล่นๆ ประดับความรู้สักนิดเจ้าค่ะท่าน ไยเราเรียกศัพท์ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยหรือศัพท์ที่ไม่ค่อยมีใครใช้ว่า ‘ศัพท์สูง’ เจ้าคะ (ทำตาปริบๆ อยากรู้จริงๆ นะท่าน ไม่ได้มีความตั้งใจจะกวนหาเรื่องหรือจะวอนเจอดีสักกะตี๊ด) ที่ท่านพี่พุ่มฯ เรียก ‘คำประหลาด’ ดูจะเหมาะเหม็งกว่าเป็นไหนๆ

    ส่วนที่ท่านกรุณาบอก(และชื่นชมข้าพเจ้านิดๆ)ว่า ‘เสน่ห์ในงานท่านคือ เขียนต่อเนื่อง’

    ข้าพเจ้าว่านะ ถ้ามันลำบากที่จะหาเสน่ห์ให้ข้าพเจ้านัก ไม่ต้องก็ได้นะท่าน ไม่ต้องกลัวว่าข้าพเจ้าจะน้อยใจจนนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งหรอก ภูมิคุ้มกันความเสียใจของข้าพเจ้าแข็งแรงดีเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง

    นี่แน่ะท่านพี่พุ่มฯ ที่พี่ท่านบอกว่าจดหมายจากดาวสีน้ำเงินมีเสน่ห์บางอย่างเผยมาให้เห็นนั้น ขอเรียนด้วยความสัจจริงว่าผู้น้องบ่เคยเห็นมันสักกะตี๊ด สักกะจิ๋วหลิวก็บ่เคยเห็น ผู้น้องยังไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามันเลยแล้วจะเห็นมันได้อย่างไรกันพี่ท่าน?

    ผู้น้องเข้าใจหัวอกผู้พี่ดี ถึงความไม่คาดหมายที่ได้รับจากคำวิจารณ์ ถึงจะไม่เคยได้ตีพิมพ์งานเขียนในนิตยสารฉบับใด แต่ผู้น้องน่ะซาบซึ้งถึงอกเลยพี่ท่าน เคยเป็นปลื้มเป็นบ้าเป็นหลังกับเรื่องสั้นที่เขียนจบ ‘เพียงรัก’ ท่านผู้เถ้าฯ มาเห็นปุ๊บจับชำแหละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเสียเละตุ้มเป๊ะ ผู้น้องงี้นะ ฉีกยิ้มหน้าบานระรื่นรับคำชี้แนะ เจ้าค่ะ...เจ้าค่ะ... แต่ภายในนี่สิกำลังนั่งกัดฟันกรอด...กรอด...ฮึ่ม!

    พอมาอีกเรื่อง ‘จะไปด้วยกันมั้ยคะ?’ อันนี้ใช้ความชุ่ยเข้าใส่ เขียนไปตามอารมณ์ จะดีไม่ดีช่างหัว! ผลออกมาเป็นไงพี่ท่านรู้มั้ย? พระเดชพระคุณรีบปรี่เข้ามาโขกศีรษะคำนับเฉย น้องงี้นั่งอ้าปากหวออึ้งรับประทานไปเต็มๆ

    ตั้งแต่นั้นมาเลยได้ค้นพบสัจจะธรรมอีกข้อ ‘อย่าไปคาดหวังอะไรกับคนวัยทอง’

    พี่พุ่มเห็นด้วยกับน้องพายมั้ย?

    ด้วยความเคารพสุดจิตสุดใจ

    ป.ล. ‘เข้าร่วมวงเสวนาวรรณกรรม’ ทำได้เยี่ยงไรกัน?


แสดงความคิดเห็น