เปิดประตูเข้าห้องที่คุ้นเคย ทุกอย่างยังอยู่ในที่ทางของมันเหมือนก่อนฉันออกจากห้องในตอนเช้า ชุดนอนที่ใส่เมื่อคืนยังแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้ารอฉันกลับไปใส่อีกในคืนนี้ โน้ตบุ๊กของเพื่อนยังวางอยู่บนเตียงตำแหน่งที่เธอเคยนอน หนังสือซึ่งอ่านค้างไว้คืนก่อนๆ ยังซุกตัวอยู่ระหว่างซอกหมอนคล้ายมันจะมีความสุขที่ได้ซุกอยู่ตรงนั้น ผ้าขนหนูยังแขวนเล่นลมไปมาอยู่ริมระเบียง

นาฬิกาบนฝาผนังส่งเสียงต๊อกๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนหน้าที่ของมันไม่มีสิ้นสุด วินาทีแล้ววินาทีเล่า รอบแล้วรอบเล่า อาจมีบางครั้งฉันเคยนึกรำคาญ แต่ตอนนี้มันกลับเป็นเพื่อนที่น่ารักที่สุด

เข้าคืนที่สองแล้วที่ฉันต้องนอนคนเดียว ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรมากนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก่อนหน้าที่ฉันจะเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน และพรุ่งนี้ไม่มีงานรออยู่ ราตรีนี้คงยาวนานจนหยดสุดท้ายที่ฉันจะเก็บเกี่ยวไว้ แต่เมื่อตั้งใจเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างก็แปรเปลี่ยน ตีหนึ่งคือเวลาที่ฉันเข้านอนพร้อมทีวีที่ส่งเสียงดังอยู่เป็นเพื่อน และดวงไฟนีออนบนเพดานยังสว่างโร่ จนเมื่อตีสองเสียงของเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ก็ยังแว่วมาเข้าหูด้วยความรู้สึกสะลืมสะลือ

ฉันลุกมาดับไฟตอนหกโมงเช้าและกลับขึ้นเตียงอีกครั้ง เมื่อยังเหลือเวลานอนอีกสองชั่วโมงก็ไม่รู้จะรีบตื่นมาทำไม

เสียงนาฬิกาปลุกเรียกเมื่อเวลาแปดโมง เวลาที่ฉันสมควรอำลาเตียงนอนอันแสนอบอุ่น ลุกขึ้นมาเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อน รดน้ำต้นไม้ริมระเบียง ต้นไม้ที่แม่ฝากไว้เมื่อห้าหกเดือนก่อนเพราะเอากลับบ้านไปด้วยไม่ได้เจริญเติบโตเขียวชอุ่มเกินหน้าเกินตาต้นไม้อัปลักษณ์ของเพื่อนรักร่วมห้อง ทั้งที่คนรดน้ำก็คนเดียวกัน น้ำที่ใช้รดก็มาจากที่เดียวกัน คนรดประจำไม่เคยแสดงท่าทีประหลาดใจใดๆ ให้เห็น แต่ทุกครั้งที่มานั่งมองฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไม?

กลับมานอนอ่านหนังสืออีกสักพักก็ได้เวลาน้ำเดือด ฉันชอบฟังเสียงน้ำในกระติกเต้นไปตามอุณหภูมิองศาที่เพิ่มขึ้นก่อนไฟสีส้มสดใสจะเปลี่ยนสถานะไปอยู่ในปุ่ม keep warm มันเหมือนเสียงฝนหลงฤดูตกโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวนอกระเบียง

ลุกไปเปิดน้ำร้อนละลายยาสมุนไพรที่หลวงพ่อให้มาเมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านครั้งล่าสุด เป็นยาแก้โรคอะไรฉันก็ไม่รู้ หลวงพ่อบอกว่าเป็นยาจากมาเลย์ทำมาจากว่านหายากชนิดหนึ่ง ท่านบอกชื่อมาด้วยแต่ฉันไม่ได้ใส่ใจจดจำ ฉันหวังเพียงบำรุงร่างกายให้เลือดลมสมบูรณ์ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าตัวฉันเป็นโรคอะไรบ้าง แต่ฉันรู้สึกว่าร่างกายฉันย่ำแย่เต็มที ผลของการใช้ชีวิตผิดสุขลักษณะมาหลายปีดีดัก บวกกับการนั่งดมกลิ่นควันบุหรี่ในร้านอินเทอร์เน็ตมาหลายเดือน ตอนนี้ฉันเลิกเข้าร้านอินเทอร์เน็ตไปแล้ว ภูมิแพ้ที่เพิ่งสำแดงอาการก็ดูเหมือนจะทุเลาลง

บางทีฉันก็รู้สึกดีที่รู้ตัวว่าตนเองไม่สบาย เพราะคนที่รักฉันแสดงความห่วงใยจนฉันอบอุ่น พี่ชายโทรมาถามถึงสุขภาพร่างกายฉันเสมอ และจบลงด้วยประโยคที่ได้ยินเจนหูว่า “อย่านอนดึกนะ ดูแลตัวเองดีๆ” ประโยคธรรมดา ง่ายๆ แต่น้ำเสียงห่วงใยที่มาพร้อมกันนั้นทำให้ฉันอบอุ่นใจไปทั้งวัน แม่ก็เหมือนกัน หลายเดือนมานี้ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์ แม่มักหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้ฉันไม่สบายใจ ทุกครั้งที่วางสายจากแม่ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแก้วบางล้ำค่าที่แม่จะไม่มีวันยอมให้ปริร้าว

การเป็นที่รักมันวิเศษอย่างนี้

คงมีสักวันที่ฉันจะทำให้คนที่รักฉันภูมิใจในตัวฉันได้บ้าง

ได้เวลาอาบน้ำแล้วมานอนอาบแสงนีออนให้เสียงทีวีกล่อมนอนอีกคืนแล้วล่ะ

ราตรีสวัสดิ์
๘ สิงหาฯ ๒๕๕๒
๒๓.๓๕ ห้องพัก ๕๑๐ ดินแดง

ในเรื่องราว:
2 Responses
  1. DiN Says:

    อ่า..
    มีคนแอบอ่านบันทึก


  2. ใครอ่า..?
    นิสัยไม่ดีเนอะ


แสดงความคิดเห็น