สหายรักต่างดาว

ฉันเชื่อเสมอกับการมอบความรักจริงใจให้กับบางสิ่งบางอย่าง ดูแลเอาใจใส่ทุกลมหายใจเข้า-ออก เราจะได้ความรักและการดูแลนั้นกลับคืน

ไม่ต้องดูไหนไกล แค่มองดูระหว่างเรา ฉันมอบความรักให้เธอ เธอมอบความรักให้ฉัน ช่วยดูแลมิตรภาพที่มีให้กันทุกลมหายใจเข้า-ออก ความสุขก็เบ่งบานอยู่ในหัวใจของเราทั้งสองคน

นั่นคือผลตอบแทนของความจริงใจที่เรามีให้กัน

บางทีฉันอาจคิดอย่างเธอที่ไม่เอา ‘งาน’ และ ‘เงิน’ มานำหน้า ‘ความสุข’

คำกล่าวนี้อาจตีความหมายเป็นเพียงคำปลอบใจตน หรือเพียงลมปากสวยหรูที่ปั้นแต่งไว้ลวงหลอกใครต่อใคร เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่า ฉันไม่เคยมีเงินมากมายอะไร ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน

แต่สหายรัก

เมื่อนานมาแล้ว ฉันเคยทำงานเจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์ ผ่านเดือนแล้วเดือนเล่า เพียงเพื่อต้องการเงินมาซื้อความอยากให้ตัวเอง ฉันมีเสื้อผ้าที่ซื้อใหม่ทุกอาทิตย์อัดแน่นเต็มตู้ มีรองเท้าหลายแบบหลากสไตล์เรียงรายให้สวมใส่นับสิบคู่ มีกระเป๋าที่สามารถใช้ไม่ซ้ำแบบกันได้ทั้งอาทิตย์ มีเครื่องประดับ เครื่องประทินโฉมมากมายล้นกล่อง

นั่นคือกิเลสตัณหาที่ครั้งหนึ่งฉันเคยมี และมันไม่เคยพอ ความต้องการที่ร้อนเร่าอยู่ในจิตใจบังคับให้ฉันต้องไขว่คว้าเพื่อสนอง

แม้จะซื้อเสื้อผ้าทุกอาทิตย์ แต่ทุกครั้งที่แต่งตัวฉันไม่เคยมีชุดใหม่ๆ ใส่ ฉันจะมีเสื้อผ้าชุดใหม่ได้ยังไง ในเมื่อทันทีที่ฉันได้มันมาเป็นกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรม มันก็จะกลายเป็นชุดเก่าไปในบัดดล และเจ้าตัวที่เรียกว่า ‘กิเลส’ ก็จะสั่งให้ฉันไขว่คว้ามาเพิ่มอยู่เรื่อยๆ

จนเมื่อวันหนึ่งฉันพบว่า เสื้อผ้าที่ฉันขนซื้อเข้ามานั้น เกินครึ่งที่ฉันไม่เคยใส่เกินหนึ่งครั้ง รองเท้าหลากแบบหลายสไตล์ที่เรียงรายให้เลือกใส่ โดนขี้ฝุ่นเกาะจนแทบไม่เห็นสีเดิม กระเป๋าที่มีให้ใช้ไม่ซ้ำแบบทั้งสัปดาห์ ฉันหยิบใช้แค่ใบเดียวตลอดทั้งเดือน และเครื่องประดับ เครื่องประทินโฉมทุกชิ้นยังวางแน่นิ่งอยู่ในกล่อง แทบจะไม่เคยผ่านการใช้งาน

และที่น่าตกใจก็คือ ฉันมองเห็นสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงความว่างเปล่า

ฉันเพิ่งสำนึกได้ในวันนั้นเองว่าฉันกำลังไล่ล่าสิ่งไร้ค่า และฉันหวาดหวั่นเหมือนเด็กน้อยหลงทาง เมื่อรู้ว่า ตัวฉันมีเพียงความกลวงโบ๋ที่ล่องลอยไร้ทิศทาง

เป็นนานกว่าฉันจะคิดได้ ว่าฉันควรหยุดสนองให้กับตัวตัณหาที่กู่ก้องเรียกร้องอยู่ภายใน

เมื่อฉันหยุด เจ้าตัววายร้ายก็สงบซบเซา และความเร่าร้อนที่กระพือโหมไหม้อยู่ในจิตใจ ก็กลับกลายเป็นไฟเย็นที่นำความสงบรื่นมาสู่ดวงใจ

ฉันมิได้จะบอกเธอหรอกนะว่าเจ้าตัววายร้ายมันตายไปจากใจฉันแล้ว ไม่หรอก ไม่มีวันที่เจ้านั่นจะตายไปจากใจฉันได้ มันยังอยู่ตรงนั้น ด้วยท่าทีสงบและเซื่องซึม รอเวลาที่ฉันเผลอ เพื่อมันจะได้ออกมาเริงร่าอีกครั้ง ฉันทำได้ดีที่สุดเพียงควบคุมมันไว้ให้อยู่ในอาการสำรวมให้นานที่สุด

ทุกวันนี้ยามฉันเดินผ่านย่านศูนย์การค้าที่ผุดขึ้นเกลื่อนเมืองเพื่อล่อลวงให้มนุษย์ผู้อ่อนไหวเผลอตัว และเรียกร้องให้เจ้าตัวกิเลสออกมาโลดแล่น ฉันมองผู้คนที่หลงอยู่ในวังวนเหล่านั้น เหมือนฉันได้เฝ้ามองตัวเองในอดีต

แน่นอนว่าเมื่อยังอยู่ในสังคมแบบเก่าที่เคยอยู่ รายล้อมด้วยผู้คนในแบบที่ฉันเคยเป็น ความแตกต่างย่อมเห็นเด่นชัด อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของฉันเอง และสิ่งที่ตามมาคือความแปลกแยก ประหนึ่งฉันเป็นแกะดำหลงฝูง สิ่งที่ทำคือ ฉันเพียงระบายยิ้มบางๆ ให้กับความรู้สึกนั้น

สหายรัก ปัจจุบันขณะฉันดำเนินชีวิตอยู่บนความเรียบง่าย ไม่แสวงหา ไม่ดิ้นรน ทำงานแค่พอกิน ใช้เท่าที่มี ใช้เวลาที่เหลือเพื่อสิ่งที่รัก ...และฉันได้รับความรักนั้นตอบแทนมาทุกลมหายใจเข้า-ออกแล้ว


มิตรของเธอ
ปลายสิงหาฯ ๕๒

@ จดหมายจากดาวสีดิน : คำปลอบประโลม

0 Responses

แสดงความคิดเห็น