ถึง ‘เธอ’ ผู้อยู่ในความคิดถึงเสมอมา


ความเจ็บป่วยของฉันทุเลาเบาบางลงมากแล้ว คงเพราะความสบายใจที่รู้ว่าอาการมิได้หนักหนาอย่างหวาดหวั่น ร่างกายจึงสดชื่นกระปรี้กระเปร่าตาม ชีวิตก็แบบนี้ ไข้กายไม่เท่าไรแต่ไข้ใจรุนแรงนัก ดึงให้ร่างกายบอบช้ำแสนสาหัส กี่คืนมาแล้วที่ฉันจมอยู่กับน้ำตา กี่พลบมาแล้วที่ฉันกลัวราตรีย่างกราย แท้จริงหาได้หวาดหวั่นกับความเจ็บป่วยไปสักเท่าไหร่ แต่ฉันหวั่นกลัวความเหงาเดียวดายที่สยายปีกโอบล้อม ราวอสุรกายจากขุมอเวจีแสยะเขี้ยวข่มขวัญให้ฉันซุกมุมขดตัวอยู่กับเงาหลืบ หันหาทางไหนพบเจอแต่ความว่างเปล่าให้แอบอิง


ราตรีกาลยามดวงใจมืดมิดมันวังเวงเหลือทน


นั่นแหละสิ่งที่ฉันกลัวยามป่วยไข้ ร่างกายอ่อนแอพาหัวใจบอบบางให้อ่อนแอจนเกินคาดคิด แค่พบพาน ‘ความไม่สะดวกเล็กๆ’ ก็ทำชีวิตเจียนขาดรอน


เคยได้ยินมานักต่อนัก หากทุกข์ไม่ถั่งโถมย่ำยีจนดวงใจป่นปี้ ชีวิตก็ยังกระเสือ-กกระสนหาทุกข์อยู่ร่ำไป แต่หากเมื่อใดทุกข์ย่างกรายจนดวงใจเกินรับ ชีวิตจะเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนวิถี ถ้าไม่เจ็บป่วยคราวนี้ฉันคงไม่รู้ว่าหัวใจนี้มันบอบบางและไหวหวั่นแค่ไหน ยังคงหลงเพริดหลงโง่งมว่ามันแข็งแรงพอจะผ่านทุกปัญหา แท้จริงมันไม่มีปัญญาสักนิด แค่สะดุดก้อนกรวดก็ล้มลงไม่เป็นท่า


หัวใจคงต้องเสริมเกราะเพื่อรับมือกับอุปสรรคนานา แม้หนักหนาสาหัสก็ยังยืนหยัดด้วยตั้งมั่น ไม่ล้มลงแล้วหลอมละลายตนอยู่ในทุกข์ท้ออย่างที่แล้วมา


คงถึงเวลาแล้วที่หัวใจฉันต้องฝึกฝน


นักกีฬายิ่งหมั่นซ้อมเท่าไร ชัยชนะยิ่งเห็นอยู่รำไร นักหัดเขียนยิ่งหมั่นเพียรเท่าไร เหลี่ยมเงาแห่งคมอักษรยิ่งเปล่งประกายแวววาว ไม่ต่างกันเลยกับหัวใจทุรนทุรายดวงนี้ หากขัดเกลา อบรมบ่มนิสัย และฝึกฝนให้ทานทนต่อทุกสิ่ง เชื่อแน่ว่าสักวันความแข็งแกร่งย่อมก่อเกิด


ถึงวันนั้น ยังจะมีอะไรให้ต้องหวาดหวั่น?


ด้วยรักแห่งชีวิต
เมื่อลิ้มรสทุกระทม ปลายมีนาฯ 2553



0 Responses

แสดงความคิดเห็น