ปิยมิตรที่รักยิ่ง

อีกครั้งที่ฉันจำต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ บรรยากาศทึบทึม สหายร่วมห้องเพิ่งแพ็คกระเป๋าเดินทางกลับบ้านเมื่อตอนบ่ายจัด ทั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเตรียมการล่วงหน้า ทุกอย่างปุบปับและฉุกละหุก เธอทำงานอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใจกลางการชุมนุมของคนกลุ่มใหญ่ มิตรคนดี- เธอคงยังไม่รู้ว่าดวงดาวของฉันเกิดความแตกแยก มีการแบ่งพวก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพียงเพราะผลประโยชน์ของคนไม่กี่คน ปลุกปั่นบ้านเมืองเสียเละตุ้มเป๊ะ ฉันไม่อยากพูดใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงขอเว้นเสีย

กลับมาที่เพื่อนรักของฉัน ที่เกริ่นถึงการชุมนุมก็เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้ว ห้างสรรพสินค้าอยู่ใจกลางการชุมนุม เป็นเหตุให้ต้องปิดทำการไม่มีกำหนด เธอว่างงานมาสี่วัน เข้าวันที่ห้าไม่มีวี่แววว่าห้างฯจะเปิด เธอจึงแพ็คกระเป๋ากลับบ้าน ทิ้งฉันไว้เพียงลำพัง

อาจฟังว่าฉันกำลังน้อยใจ เหงา หรือว้าเหว่ เปล่าเลย ฉันไม่ได้รู้สึกใดๆ อย่างที่ว่านั่น นอกจากจะรู้สึกเพียงเงียบและสงบ

ไม่ค่อยบ่อยนักหรอกที่ฉันจะรู้สึกเหงา เพราะฉันคุ้นชินและชื่นชอบความเงียบสงบเป็นชีวิตจิตใจ ฉันสามารถอยู่ในที่เงียบๆ สงบๆ ได้เป็นวันๆ มีแต่คนถามว่าฉันอยู่ได้ยังไง เขาประหลาดใจฉัน แต่เขาไม่รู้หรอกว่า ฉันก็ประหลาดใจเขาเช่นกัน เพราะความเงียบสงบเป็นสิ่งน่าพิสมัยยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ทำไมเขาถึงคิดว่าฉันจะอยู่กับมันไม่ได้?

บางครั้งฉันก็รู้สึกตกใจ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองช่างแปลกแยกและแตกต่างจากชาวบ้านชาวช่องเขาไปทุกที อย่างวันนี้ ฉันกับเพื่อนคุยกันเรื่องการเดินทางกลับบ้าน เธออยากนั่งเครื่อง แต่เธอกลับฉุกละหุกแบบนี้คงหาตั๋วลำบาก รถทัวร์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

นึกย้อนกลับไปหลายปีก่อน เราเดินทางโดยรถไฟ ต่อมาก็รถทัวร์ธรรมดา ขยับเป็นรถทัวร์วีไอพี จนตอนนี้อยากไปไหนๆ เครื่องบินก็ส่งเราถึงที่หมายได้ปุบปับทันใจ ใครๆ ก็เป็นแบบนี้ เดินทางไปหาความก้าวหน้า ชีวิตคนเราต้องพัฒนาขึ้น แต่ฉันกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะฉันยังนึกอยากโดยสารรถไฟเหมือนก่อน อยากมองทุ่งนา มองป่าเขา ฟังเสียงสายลมหวีดหวิว เสียงฉึกกะฉักของล้อรถ เสียงกรีดแก้วหูเมื่อรถวิ่งข้ามสะพานเหล็กหรือเข้าอุโมงค์ มองดูเส้นผม เครื่องแต่งกายของผู้โดยสารเต้นไปตามจังหวะสายลม มองภาพงดงามของขอบฟ้ายามเปลี่ยนสีสันอัสดง

เราชื่นชมกับภาพงดงามระหว่างทาง ขณะหัวใจตระหนักว่ามีจุดหมายปลายทางให้มุ่งไปหา ยามนั้นฉันเห็นภาพงดงามทั้งภายนอก และภายใน

เธอบอกว่าฉันเป็นนักฝันเกินไป มีจินตนาการเกินไป ฉันรู้ เธอมิได้ตำหนิติเตียน หรือเย้ยหยันถากถาง กลับกัน สีหน้าเธอยิ้มละไม บอกให้รู้ว่าเธอมิได้ดูถูกความคิดฉันเลยสักนิด และเธอก็มิได้บอกให้ฉันกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉันเข้าใจว่า สิ่งใดที่ฉันมีความสุข เธอยินดีให้ฉันคิดฉันทำ และเธอพร้อมรับฟังมันเสมอ

เหมือนกับการใช้ชีวิตของฉันที่ออกจะแปลกประหลาดกว่าชาวบ้านชาวช่อง ชีวิตกลับหัวกลับหางไปเสียหมด ถึงกระนั้นเธอก็เข้าใจ อย่างน้อยฉันก็คิดว่าเธอเข้าใจ

กว่าเธอจะกลับมาฉันมีเวลาอยู่คนเดียวถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม ปกติฉันต้องหาใครสักคนมานอนเป็นเพื่อน แต่ครั้งนี้อยากอยู่ด้วยตัวเองมากกว่า นอนอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ครุ่นคิดโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย บางทีฉันอาจขบปัญหายิ่งใหญ่ที่ผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวได้สักปัญหา ไม่ก็มีความคิดดีๆ เจ๋งๆ ผุดขึ้นในหัวสักอย่าง หรือถ้าไม่ได้อะไรอย่างที่ว่ามาเลยก็อาจเก็บกวาดห้อง สำรวจหนังสือหนังหาที่สุมรุมอยู่ในตู้ บนโต๊ะ ใต้โต๊ะ หัวเตียง คัดแยกเล่มที่อ่านแล้วกับยังไม่ได้อ่าน และจัดการทยอยคืนหนังสือของใครๆ ที่หยิบยืมมา ฉันมั่นใจว่าต้องมีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบเล่มเป็นแน่ และเกินกว่าครึ่งที่ฉันยังไม่ได้เปิดอ่าน หนึ่งสัปดาห์ต่อจากนี้ อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการสะสาง

นอกระเบียงความมืดโรยตัวลงมาแล้ว ป่านนี้เธอคงกำลังนั่งกอดหมอนอยู่บนรถทัวร์ มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง สถานที่ซึ่งคนที่เธอรักรอคอยอยู่ และในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ห้องนี้ คนที่รักเธอคอยส่งใจอำนวยพรให้เธอเดินทางถึงจุดหมายโดยปลอดภัย

ฉบับนี้เขียนมาคุยเล่น บอกเล่าเรื่องราวเสี้ยวหนึ่งในชีวิต หวังว่ายอดมิตรของฉันคงไม่เบื่อที่จะรับฟัง


รักและคิดถึงเสมอ
มิตรน้อย, ดาวสีน้ำเงิน
ก่อนสงกรานต์ 2553

1 Response
  1. DiN Says:

    แวะมาจิ๊กรูปอวตาร
    เหลือบเห็นฟีดแล้วใจหาย
    ทองดีปิด
    พี่สามปิด
    บ้านเมืองวุ่นวาย
    นักเขียนหาที่สงบ
    ได้ไง..ได้ไง..?


แสดงความคิดเห็น