ข้างนอกฝนยังตกพรำๆ ได้ยินเสียงฟ้าร้องเป็นระยะสลับด้วยฟ้าแลบแปลบปลาบ คืนนี้อากาศคงเย็นสบายหลังจากที่ร้อนมาหลายคืน
ฝนตกมากว่าชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่ฉันยังอยู่ที่ทำงาน ทันทีที่รู้ว่าฝนตกฉันยิ้มออกมาพร้อมด้วยประโยค
“ดีจัง คืนนี้ต้องนอนหลับสบายแน่เลย”
“ก่อนจะบอกว่าดีจัง มาคิดกันก่อนดีกว่ามั้ยว่าจะกลับยังไง?” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งขัดขึ้น แต่ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ขอแค่ฝนตก จะกลับที่พักยังไงไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องขบคิด ฉันยินดีเดินไปท่ามสายฝนกระหน่ำด้วยความสุขใจ
โชคดีที่เรามีร่มสองคันสำหรับสี่คน แน่นอน ฉันต้องคู่กับเพื่อนรัก เราเดินไปพร้อมพูดคุยแข่งเสียงสายฝน ร่มคันน้อยไม่เพียงพอสำหรับการเบียดกายของสองคน ฉันเปียกครึ่งนึงเธอเปียกครึ่งนึงแต่ไม่มีใครอนาทร
ฉันแวะส่งเธอที่ป้ายรถเมล์เหมือนเช่นทุกครั้ง บอกให้เธอเป็นคนเอาร่มไป แต่เธอปฏิเสธไม่มีเหตุผลใดมากไปกว่าเธอเป็นห่วงฉันเท่ากับที่ฉันเป็นห่วงเธอ
หลังจากเธอขึ้นรถเมล์ไปแล้วฉันจึงผลุบเข้าอพาร์ตเม้นต์ กระเป๋าสะพายโดนฝนจนเปียกโชกไปทั้งใบในนั้นมีหนังสือที่เพิ่งซื้อมาเมื่อสามวันก่อนอยู่ด้วย แม้กระเป๋าจะเป็นแบบกันน้ำแต่ก็อดห่วงหนังสือเล่มนั้นไม่ได้ เริ่มหายใจโล่งขึ้นเมื่อเปิดดูภายในพบว่าข้าวของทุกอย่างยังปกติดีอยู่
จัดการเททุกอย่างในกระเป๋าออกมา เช็ดจนแห้งดีจึงผึ่งพัดลมไว้อีกที กับกระเป๋าใบโปรดฉันต้องทะนุถนอมอย่างดีที่สุด
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ตรวจดูกระเป๋าอีกครั้งเมื่อมั่นใจว่าแห้งสนิทจึงเก็บข้าวของใส่ไว้เหมือนเดิม ก่อนจะคว้าสมุดดินสอมาเอนตัวลงนอนยังที่ของตน อยากเขียนอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้จะเขียนอะไรดี ตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อกลางวันว่าก่อนนอนคืนนี้จะเขียนเรื่องสั้น แต่เสียงฟ้าร้องครืนๆข้างนอกทำให้ฉันไม่กล้าเปิดคอมพิวเตอร์ และถึงแม้จะเปิดได้จริงๆ ก็ยังไม่รู้ว่าจะกลั่นประโยคแรกออกมาได้หรือเปล่า หลายสิ่งหลายอย่างพิสูจน์มาแล้ว ในความคิดทุกอย่างง่ายเสมอ ลงมือกระทำนั่นสิยากแสนยาก และน้อยเท่าน้อยที่จะได้ดั่งใจวาดหวัง ...แต่ถึงกระนั้นก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
นึกอยากเขียนกลอนอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อเค้นวรรคแรกมาแล้วทั้งวันกลับไม่ได้อะไร ก็ไม่รู้จะเอาวรรคต่อไปมาจากไหน
จดๆจ้องๆจะเขียนจดหมายไปหาเพื่อนแดนไกล กลับไม่มีเรื่องอะไรจะเล่า ก็ได้แต่จดๆจ้องๆอยู่อย่างนั้น
และเมื่อเขียนเรื่องสั้นไม่ได้ เขียนกลอนไม่ออกไม่มีอะไรจะเล่าในจดหมายให้เพื่อนแดนไกลได้รับรู้ แต่อารมณ์อยากเขียนยังไม่ผ่อนคลายก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าบันทึกสักหน้ากระดาษ
นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่ได้เขียนบันทึกอารมณ์ความรู้สึกหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ไม่อยากจะนึกย้อนเพื่อตอกย้ำความไร้วินัยของตนเอง หลายครั้งที่คิดว่าฉันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ก็อีกนั่นแหละเมื่อไม่ได้กระทำจะเอาสิ่งดีนั้นมาจากไหน
หลายครั้งอีกเหมือนกันที่ฉันเริ่มต้น แต่ไม่มีก้าวต่อติดตามมา สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นจึงเคว้งคว้างไร้แก่นสาร หวังว่าบันทึกฉบับนี้จะไม่เป็นอย่างนั้น ขอเถิดนะ ให้ครั้งใดก็ตามที่ฉันกลับมาอ่านบันทึกฉบับนี้ ความรู้สึกขณะเขียนจะยังคงอวลอยู่ในทุกตัวอักษรไม่สร่างซา
นอกระเบียงฝนหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เลย แต่เมื่อก่อนนอนได้ฟังเพลงสายฝนแบบนี้ คืนนี้ฉันคงนอนหลับฝันดี
ราตรีสวัสดิ์
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒
๐๐.๔๐ น.