สวัสดีเพื่อนต่างดาวของฉัน

วันนี้รู้สึกไม่สบายใจเลย มันหวิวๆ หวั่นๆ นั่งอยู่เฉยๆ ก็อยากร้องไห้ เหมือนฉันกำลังเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่ไม่มีจุดบรรจบของพื้นดินอย่างเดียวดาย ไม่ว่าจะนึกถึงใครที่เคยคิดว่าพึ่งพาพักพิงได้ทุกครั้งเมื่อต้องการ ความรู้สึกภายในกลับผลักไสคนเหล่านั้นออกไปไกลจากความรักความโหยหา ยิ่งคิดถึงคนที่รักและผูกพันมากเท่าไหร่ฉันยิ่งเคว้งคว้างและเดียวดายมากเท่านั้น

ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากฟังเสียง อยากพูดคุย อยากรับรู้ว่าใครบางคนสุขสบายดี ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม สมองสรรหาคำพูดมากมาย แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสายฉันกลับนั่งบื้อพูดไม่ออก ประโยคแรกออกจากปากเมื่อน้ำตาไหลนองสองแก้ม ฉันไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ น้ำตามันไหลมาเองต่างหาก ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำมันไหลออกมาตอนไหน มารู้ตัวอีกทีเมื่อสัมผัสได้ถึงรสเค็มฝืดเฝื่อนที่ปลายลิ้นนั่นแหละ

คุยได้ไม่กี่ประโยคก็ต้องรีบวางสายเพราะหากฝืนคุยนานกว่านั้นฉันคงไม่ไหว กดตัดสายไปแล้วประโยคที่ตั้งใจดิบดีอยากพูดจริงๆกลับเพิ่งหลุดออกมา

“...คิดถึงแม่จัง...”

ขณะนั่งทำงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ผู้คนมากมายเดินผ่านหน้า ทั้งที่ไม่คุ้นชิน แค่คุ้นหน้า หรืออาจคุ้นเคย ความรู้สึกไม่ต่างกันเลย เขาเหล่านั้นล้วนเป็นคนอื่นไกล ฉันกำลังแปลกแยกและแตกต่าง เหมือนเราหมุนอยู่คนละวงโคจร วงโคจรแรกมีผู้คนมากมายเหล่านั้น ส่วนอีกวงโคจรมีเพียงฉันเดียวดาย

อยากกลับไปนอนซุกกายเงียบๆ ไม่ขยับเขยื้อน นอนอย่างนั้นเฉยๆจนความรู้สึกต่างๆเดินทางผ่านพ้น เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ซุกกายอยู่ในมุมแคบๆล่องลอยไปในโลกสีหม่น ถึงวินาทีสุดท้ายตื่นขึ้นมาพบโลกใบเดิมด้วยตัวฉันคนเดิม

ฉันนั่งมองตัวอักษรที่เคยบรรจงปั้นแต่ง ผ่านหน้าแล้วหน้าเล่าด้วยสมองขาวโพลนทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยชื่นชมมันนักหนา ไม่มีความรู้สึกนึกคิดใดๆ ให้สัมผัส ไม่มีแม้คำถาม คำตอบว่าทำไม? เพราะอะไร?

เปิดดูจดหมายของเธอที่เขียนถึงฉันเมื่อวันก่อน ริมฝีปากฉันยิ้มแต่น้ำตาฉันไหล ฉันไม่ได้ยิ้มให้กับเนื้อหาในจดหมายนั้น ฉันไม่ได้อ่านมันด้วยซ้ำ ที่ยิ้มเพราะฉันเห็นตัวอักษรของเธอ บอกไม่ถูกหรอกว่า ดีใจ เสียใจ มีความสุข ความเศร้า หรืออารมณ์ไหนกันแน่ แค่เห็นตัวอักษรของเธอฉันก็ยิ้มได้แล้ว แต่ฉันไม่รู้ทำไมน้ำตาต้องไหล และก็อีกนั่นแหละ นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันร้องไห้

ไม่รู้ฉันเป็นอะไรในความโหวงเหวงที่โอบกอด ไม่รู้อีกเหมือนกันฝ่ายใดโอบกอดฝ่ายใดไว้กันแน่ อาจเป็นฉันที่ฉุดรั้งความรู้สึกนั้นไว้ เพียงเพราะอยากรู้มันจะไปสิ้นสุดปลายทางที่ใด ลึกๆ แล้วฉันคงอยากสัมผัสให้สุดซึ้งถึงอารมณ์ที่กำลังประสบอยู่นี้

เธอไม่ต้องใส่ใจอะไรหรอก ฉันเพียงอยากเขียนอะไรเรื่อยเปื่อย


ผู้สับสนบนทางอ้างว้าง
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๒

3 Responses
  1. DiN Says:

    จดหมายจากดาวสีดิน : อ้อมกอดอารมณ์
    http://tuleedin.blogspot.com/2009/05/blog-post_3508.html


  2. ขอบคุณเจ้าค่ะ


  3. DiN Says:

    เสียงฝนยังเผาะ ๆ หลังคาเต็นท์สวัสดิ์ขะรับ

    สิ้นวันได้ตัวหนังสือนิดหน่อย แม้นไม่น่าพอใจยังนับว่าดีกว่าไม่ได้อะไร ทำการโพสท์เก็บในกระต๊อบเป็นที่เรียบร้อย ด้วยความสุขใจ

    คงติดน่ะขอรับ

    เริ่มแต่ริเขียนงานบนบอร์ดหนอน หากเขียนแล้วยังไม่โพสท์รู้สึกเหมือนยังไม่สิ้นกระบวนการ เขียนเสร็จ จัดตัวอักษร จัดวรรคตอนสวย ๆ หาภาพประกอบที่พอจะเข้ากัน อัพเสร็จนั่งมองย้อนไปย้อนมา บางครั้งถามตัวเองเหมือนกัน 'เรามานั่งทำอะไรอยู่เนี่ย?' ไม่มีรายได้สักบาทสักเฟื้อง วินาศเวลาโดยเปล่าการหรือไม่?

    สุดท้ายได้คำตอบว่า..ความสุขที่ค่อย ๆ ทำหนังสือของตัวเองไง

    สะสมทีละหน้าสองหน้า เคยอยากมีหนังสือของตัวเองสักเล่ม ตอนนี้มีแล้ว ทั้งยังเป็นหนังสือจุเนื้อหาไม่จำกัด รูปเล่มก็ไม่เทอะทะไปตามจำนวนหน้า ไม่ต้องพกพาให้หนักกระเป๋า แค่จำ add. ไว้ก็เปิดได้ทุกเมื่อที่ออนไลน์

    ข้าพเจ้าเติบโตมากับสมุดบันทึก

    ทุกสิ้นปีจะต้องซื้อไดอารี่เล่มใหม่ ทั้งที่เล่มเก่าเต็มด้วยหน้าว่างเพราะไม่รู้จะเขียนอะไร แค่รู้สึกว่าชอบมีสมุดบันทึกไว้กับตัว

    เพิ่งมาหลายปีหลัง ก่อนสร้างกระต๊อบออนไลน์ สมุดบันทึกข้าพเจ้าเต็มหน้าจนแทบไม่มีที่จะเขียน กระทั่งหน้าสุดท้าย (โดยมากเป็นภาพสเก็ตช์ฝึกมือ) ใช้สมุดบันทึก ๙ เล่มก่อนผันปลายนิ้วกระดึ๊บเข้าสำนักหนอน

    ตอนนี้กลายเป็นซากขยะจมเลนอยู่ในคู ไม่เหลือสักเล่ม ยังดีที่สมุดบันทึกออนไลน์เก็บบางส่วนไว้ ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าเหลือสมุดบันทึกอยู่เพียงเล่มเดียว เป็นหนังสือสืออย่างที่เคยคิดฝัน มีนิยาย มีเรื่องสั้น มีบทกลอน มีความเรียง พิมพ์เอง เขียนเอง อ่านเอง โดยสุขใจ ทั้งยังเพิ่มความพิเศษที่สหายสามารถแวะทักทาย ฝากลายอักขระเวลาใดก็ได้ นับเป็นสมุดบันทึกที่สมใจ

    เปิดอ่านทีไรเป็นสุขใจทุกที ท่านเป็นอย่างนี้หรือไม่ขะรับ?

    สิ้นวันแล้ว ขอท่านมีความสุขกับหมูกระทะ
    ราตรีสวัสดิ์ขอรับ

    คารวะ


แสดงความคิดเห็น