๏ รอนรอนตะวันโอ้........................อัสดง
รอนม่านเมฆาลง........................เลื่อมฟ้า
รอนลับมืดดับดง...........พงพฤกษ์ แดนไพร
รอนรอนราวใจข้า............สิ้นลับ ดับรอน ฯ
๏ รอนรอนตะวันลับ.....................สิ้นแสงดับกับอัสดง
ลบเหลี่ยมเมฆาลง.............พงไพรพฤกษ์ลึกเลื่อมเงา
มองไหนให้มืดมิด..................ทั่วทุกทิศมิดม่านเหงา
สะทกโอ้อกเรา.........................ยามไร้เจ้าเฝ้าเจรจา
เห็นนกวิหกบิน.........................หวนคืนถิ่นบินลัดฟ้า
ถวิลเจ้าจินดา...........................ไม่หวนมาหาเห็นกัน
เย็นลมเคยพรมผ่าน...........พลิ้วแผ่วหวานล่วงวารวัน
ลมนุชหยุดพัดพลัน................อยู่ไหนกันหนอสายลม
ยินแว่วเรไรหรีด..................เจ็บราวมีดกรายกรีดคม
ปร่าปวดรวดร้าวจม..................ระทมทุกข์ทุกวันคืน
หนาวฟ้าหนาวค่ำฟ้า............นานเหน็บล้ากว่ากายฝืน
ระกำสุดกล้ำกลืน...........................กี่ค่ำคืนจะคืนมา
มองดาวพริบพราวส่อง...........พร่างดาวผ่องนองนภา
ดาวเห็นเด่นดารา...........................หาไม่มีธุลีดาว
ดึกเดือนเลือนเมฆเหงา..........ลับม่านเนาเงาค่ำคราว
หวังใจไม่ลืมคร่าว.............ดั่งจันทร์เจ้าเฝ้าเลือนดวง
จะคอยแม้คล้อยค่ำ...........ดึกน้ำค้างพร่างหนาวหน่วง
หนึ่งใจใช่คำลวง.......................กี่เลยล่วงก็จะคอย
@ เรไรร่อนร้อง : จะคอย โดย ธุลีดิน
รอนม่านเมฆาลง........................เลื่อมฟ้า
รอนลับมืดดับดง...........พงพฤกษ์ แดนไพร
รอนรอนราวใจข้า............สิ้นลับ ดับรอน ฯ
๏ รอนรอนตะวันลับ.....................สิ้นแสงดับกับอัสดง
ลบเหลี่ยมเมฆาลง.............พงไพรพฤกษ์ลึกเลื่อมเงา
มองไหนให้มืดมิด..................ทั่วทุกทิศมิดม่านเหงา
สะทกโอ้อกเรา.........................ยามไร้เจ้าเฝ้าเจรจา
เห็นนกวิหกบิน.........................หวนคืนถิ่นบินลัดฟ้า
ถวิลเจ้าจินดา...........................ไม่หวนมาหาเห็นกัน
เย็นลมเคยพรมผ่าน...........พลิ้วแผ่วหวานล่วงวารวัน
ลมนุชหยุดพัดพลัน................อยู่ไหนกันหนอสายลม
ยินแว่วเรไรหรีด..................เจ็บราวมีดกรายกรีดคม
ปร่าปวดรวดร้าวจม..................ระทมทุกข์ทุกวันคืน
หนาวฟ้าหนาวค่ำฟ้า............นานเหน็บล้ากว่ากายฝืน
ระกำสุดกล้ำกลืน...........................กี่ค่ำคืนจะคืนมา
มองดาวพริบพราวส่อง...........พร่างดาวผ่องนองนภา
ดาวเห็นเด่นดารา...........................หาไม่มีธุลีดาว
ดึกเดือนเลือนเมฆเหงา..........ลับม่านเนาเงาค่ำคราว
หวังใจไม่ลืมคร่าว.............ดั่งจันทร์เจ้าเฝ้าเลือนดวง
จะคอยแม้คล้อยค่ำ...........ดึกน้ำค้างพร่างหนาวหน่วง
หนึ่งใจใช่คำลวง.......................กี่เลยล่วงก็จะคอย
@ เรไรร่อนร้อง : จะคอย โดย ธุลีดิน
อืมม์..ข้าพเจ้าว่าเจ้าธุลีดินเนี่ย..เขียนใช้ได้นะทั่นนะ..ท่านว่าไหม? ;)
แน่นอนอยู่แล้ว ก็ธุลีดินเค้าเป็นพระอาจารย์ของข้าพเจ้านี่ ลูกศิษย์ออกจะเก่งซะขนาดนี้ จะมีพระอาจารย์ห่วยๆ ได้ไง ...จริงไหม? ;)
อ้อ..ต้องขอประทานโทษด้วยขะรับ สุดสัปดาห์นี้ไม่มีงานที่สำนัก ระหว่างสัปดาห์เขียนอะไรไม่ได้เลย กล้ำผจญแดดฝนเป็นนกกระจอกพลัดรัง ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะอยู่อย่างไร...?
อีกทั้งทราบว่าท่านจะไม่อยู่เสาร์-อาทิตย์เลยคิดอู้ ไม่คิดว่าจะกลับมาวันอาทิตย์ (เลยคิดอะไรไม่ทัน)
ขอผลัดเป็นสุดสัปดาห์หน้าแล้วกัลล์นะขะรับ
ผู้น้อยโขกศีรษะสามโป๊ก!
คารวะ
ป.ล.ความทรงจำในขวดแก้วเนี่ยคล้ายเวลาในขวดแก้วหรือเปล่าขะรับ?
ป.ล.๒ ไยท่านไม่ตั้งค่าแสดงความคิดเห็นแบบบัญชี Google ล่ะขะรับจะได้ไม่ต้องใส่คำกรอง
ป.ล.๓ สมุดบันทึกท่านโหลดไวดี เจ้าแฟ้มโกโรโกโสข้าพเจ้า(ขอบคุณท่านสำหรับคำนี้)โหลดอึดยังกะชื่อหนังสือเรื่องสั้นท่านเจ้าสำนักหอน หาเท่าไรก็ไม่เจอสาเหตุ ไม่รู้ลิ้งก์ตัวไหนติด..เฮ้ออออออ
ท้องฟ้าอุษาทอแสงเรืองรางสวัสดิ์ขอรับ
ไม่ได้ตื่นแต่เช้าสดชื่นเช่นนี้มาหลายเพลา วันวานบ่อข้างจับกุ้ง เครื่องชักน้ำพอดีจ่อมาทางเต้นท์ข้าพเจ้านอน สะดุ้งตื่นแต่ตีสาม เสียงเขย่าประสาทปานฟ้าถล่ม (เครื่องหกสูบไม่มีทอไอเสียขะรับ ท่านลองคิดดู) ทำเอาสะโหลสะเหลไปทั้งวัน
เช้านี้เงียบสนิท..เสียงนกจิ๊บ ๆ ๆ หลากสำเนียงกลับมาเป็นของอุษาสาง..คงเป็นวันที่ดี..คงเป็นวันที่ดี..
จะเริ่มเขียนหนังสือสักสามสี่บรรทัด..ขอให้เป็นวันที่ดีสำหรับท่านเช่นกัลล์
อรุณสวัสดิ์ขอรับ
คารวะ
:)
ยินดีที่รู้ว่าท่านมีวันดีๆ ขอบคุณที่คิดถึงกันค่ะ
ด้วยความเคารพ
โอ..นั่นเป็นช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าไร้รังนอน ถึงวันนี้ปัญหายังไม่จบไม่สิ้น วันที่เขียนอะไรไม่ได้ย้อนกลับมาเยี่ยมเยียนหนแล้วหนเล่าราวสหายสนิท
ดูเหมือนชีวิตข้าพเจ้าไม่ได้ไปไหนไกลเลยนะเนี่ย
คารวะ
ป.ล.อ่านอีกทีก็ยังรู้สึกว่าเจ้าคนแต่งเนี่ยเขียนดีแฮะ ข้าพเจ้ายังได้ไม่ถึงครึ่งเลย