สวัสดีเพื่อนใหม่ผู้อยู่ไกลถึงดาวสีดินไม่นึกไม่ฝันว่าฉันจะได้รับจดหมายจากเธอ มันพิสูจน์ให้เห็นว่าระยะทางไม่มีผลต่อความตั้งใจของเรา
เรื่องราวบนดาวของเธอน่าสนใจจัง ฉันตื่นเต้นมากมายเชียวล่ะ ตัวอักษรของเธอทำให้จินตนาการของฉันโบยบินไปไกลจนนึกอยากเห็นนกกระดาษบินว่อนเต็มท้องฟ้า อยากคว้าเมฆกระดาษที่ลอยฟ่องเหล่านั้นมาปั้นฝันรูปร่างตามใจปรารถนา อยากท่องไปในมหาสมุดใหญ่โตที่เธอกล่าวถึงมองดูหลากหลายความฝันของนักเดินทางคนอื่น ไม่แน่ อาจมีสักความฝันในหลายหลากฝันเหล่านั้นช่วยจุดประกายไฟฝันของฉันให้คุโชน หรืออย่างน้อยก็ช่วยหล่อเลี้ยงไฟฝันของฉันให้ส่องแสงอยู่ต่อไปแม้เพียงริบหรี่อย่าเพิ่งมอดดับไปขณะที่ฉันยังไม่ได้เริ่มต้นอะไรเลย
ฉันอยากเห็นถนนหนทางที่ปูด้วยตัวอักษรละลานตา เดินย่ำเท้าไปเรื่อยๆ และถ้ามีแรงพอทำได้ฉันจะเดินไปให้สุดขอบฟ้า
ฉันอยากเห็นเพิงพักเรียงราย ทั้งเพิงความรัก เพิงความหวัง เพิงกำลังใจ เพิงโชคชะตา ฉันจะเข้าไปเยี่ยมชมให้ครบทุกเพิงเชียวล่ะ แต่แย่ตรงที่ฉันเกลียดเพิงหน้าที่และความรับผิดชอบ ถ้านี่คือด่านทดสอบจริงๆ เห็นทีฉันคงซี๋แหงแก๋ตั้งแต่หน้าประตูโดยไม่มีโอกาสยื่นฎีกาขออุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ฉันเคยพยายามฝึกฝนตัวเอง ใช้ทั้งวิริยะและอุตสาหะ แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ถึงทุกวันนี้ฉันก็ไม่เคยทำสำเร็จ
อ้อ ฉันอยากเห็นต้นดินสอปักปลายลงดินด้วยล่ะ ไส้ดินสอต้องทำหน้าที่เป็นรากแก้วแน่ๆ พูดแล้วก็อยากกัดกินผลไม้รสเลิศจากต้นดินสอขึ้นมาแล้วสิ หลังจากนั้นเราค่อยจูงมือท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์ด้วยกัน ว่าแต่เธอแน่ใจนะว่าผลไม้ที่ว่านั่นกินเข้าไปแล้วจะพาเราท่องไปในดินแดนที่ยังไม่มีใครสำรวจจริงๆ หรืออย่างร้ายเพียงแค่ทำให้จินตนาการสะดุด ฉันเกรงแต่จะมีผลไม้ต้องคำสาปเหมือนสวนอีเดนหลงอยู่ด้วยน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันไม่เอาด้วยนะ ฉันยังไม่พร้อมเป็นอีฟ
สุดท้ายฉันก็อยากเห็นทุกอย่างที่เธอเขียนถึงนั่นแหละ
เธอยกตัวอย่างเรื่องการพบพานและปรากฏการณ์โชคชะตาทำให้ฉันนึกสงสัย เธอจัดความสัมพันธ์ของเราไว้ในประเภทไหน? พบพานผูกพันหรือเพียงปรากฏการณ์โชคชะตาธรรมดาที่บังเอิญเธอได้รับจดหมายจากฉันและนึกสนุกตอบกลับ คิดอีกทีเราก็เหมือนตัวละครในเรื่องที่เธอเล่า(เธอตั้งใจหรือเปล่า?) เพียงแต่กลับกันที่ฉันเป็นฝ่ายสุ่มเสี่ยงส่งจดหมายมาหาเธอก่อน แทนที่จะเป็นเธอซึ่งถ้าเปรียบกับตัวละครในเรื่องก็คงรับบทเป็นพระเอก
ฉันไม่น่าถามอะไรโง่ๆ เลยนะ ในเมื่อเธออุตส่าห์ตั้งใจเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเธอก็ต้องให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเราอยู่แล้วล่ะ แม้จะเพียงเริ่มต้น ฉันจะไม่สงสัยอะไรสำหรับเรื่องนี้อีก
ฉันชอบประโยคนึงจังเลย ‘หยาดน้ำตาเธอจะอยู่กับเขาจนลมหายใจสุดท้าย’ นั่นสิ เมื่อความผูกพันผูกมัดเราไว้กับใครคนหนึ่งสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือเหนี่ยวรั้งเค้าไว้ให้อยู่กับเรานานเท่านาน นานเท่าที่ความสามารถจะมี ...เราก็ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้
เมื่อเวลาพรากมาเยือน ยิ่งได้ผ่านช่วงเวลาพบพานมาอย่างงดงาม ฉันยิ่งไม่มั่นใจเลยว่าจะทำใจยอมรับมันได้?
ขอบคุณที่ตอบจดหมายกลับ มันทำให้ทุกตัวอักษรของฉันมีความหมาย
ปรารถนาให้เธอมีความสุขทุกวัน
เพื่อนของเธอ
ฤดูร้อนอันยาวนาน ๒๕๕๒
@
จดหมายจากดาวสีดิน : ดาวของฉัน
๏ บนหนทางแปลกแยกและแตกต่าง
ในระหว่างทางที่เจอ เธอกับฉัน
ผ่านพบสื่อนิยามความผูกพัน
ผ่านวันทบวันอันเป็นไป
บนเส้นทางก้าวผ่านด่านอดีต
ฉันเขียนขีดชีวิตอันยิ่งใหญ่
ก้าวต่อก้าวฟันฝ่าท้าความนัย
ก้าวเดินไปด้วยไฟฝันที่ฉันมี
บนเส้นทางก้าวย่างทางชีวิต
จะถูกผิดลิขิตฝันทุกวันวี่
ฝันต่อฝันเติมฝันทุกวันมี
ใช้ชีวีทั้งชีวีเป็นเดิมพัน
สบเส้นทางหมายมาดปรารถนา
สบสายตามาดหมายคล้ายห้วงฝัน
สบเพียงซึ้งตรึงใจในสัมพันธ์
นัยน์วงตาคู่นั้นไม่ผันแปร
จะกี่ทางกี่ก้าวกี่หนาวร้อน
ทุกบทตอนทบทวีนี้แน่วแน่
เมื่อมีรักหล่อเลี้ยงในดวงแด
กี่ขวากหนามจะไม่แพ้ไม่คร้ามเกรง
ดุ่มด้นเดินฝ่าฟันด้วยฝันใฝ่
ดุ่มด้นไปด้วยใจไม่คว้างเคว้ง
ท่วงทำนองชีวิตยังบรรเลง
เป็นบทเพลงสื่อความหมายได้ประจักษ์
ฉันเรียงร้อยวันคืนด้วยความฝัน
เธอเรียงร้อยคืนวันด้วยความรัก
ทุกรอยเท้าก้าวย่างต่างตระหนัก
เมื่อมีฝันร้อยรัก...อิงพักใจฯ
๏ เพ็ญโสมกระจ่างฟ้า...............จวงจันทร์
ลอยลิ่ววิลาวัณย์.......................แจ่มหล้า
เมฆยังคลอเคียงกัน................เกยอยู่ คู่เคย
อยู่ไหนเล่าขวัญข้า...........ไยร้าง ห่างไกล ฯ
๏ พระพายเคยผ่านแผ้ว................พจนีย์
พัดแผ่วแว่ววลี........................ห่อนเว้น
เย็นสายลมวจี.................เวียนแวะ รจนา
แลกลายอักขระเล่น.......เป็นเพื่อน มาเสมอ ฯ
๏ สงัดเงียบเสียยิ่งแล้ว..............สหายเอย
สายลมเคยรำเพย....................แผ่วพลิ้ว
ยามนี้หยุดพัดเลย...............ราวสิ้น แรงลม
ลืมแล้วเคยเริงริ้ว.......แรมรส อักขระละไม ฯ
๏ เจ็บปวดแลป่วยไข้................ใช่ไหม?
จึงไม่อาจพัดไกล...................กว่ากลั้น
หนักเบาเป็นฉันใด...............ใคร่รู้ จริงแฮ
ห่วงใยกังวลนั้น.............เนิ่นช้า ยิ่งถวิล ฯ
@ ราวไร้พระพายพัด..รำเพย โดย ธุลีดิน
สวัสดีเธอผู้เป็นเพื่อนใหม่นี่เป็นจดหมายฉบับที่สองที่ฉันเขียนมาหาเธอ หวังว่าเธอจะสุขสบายดีและมีความสุขกับจดหมายฉบับก่อนหน้านี้ ฉันรู้แล้วล่ะว่าเธอได้รับจดหมายฉบับนั้นเรียบร้อยแล้ว เธอคงสงสัยล่ะซิ ฉันรู้ได้ยังไง? ฉันก็บอกไม่ถูกหรอก แต่ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้นนี่นา เธอไม่รู้หรอกว่าฉันดีใจมากแค่ไหนเมื่อคิดว่าเธอกำลังนั่งอ่านจดหมายฉันอยู่
ไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ไกลกันแค่ไหน ฉันรู้ ความคิดถึงของฉันเดินทางไปถึงเธอเสมอ เช่นเดียวกันความคิดถึงของเธอก็เดินทางมาถึงฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันเห็นนะ เธอกำลังนั่งยิ้มอยู่ ใช่มั้ยล่า? นั่นไง เธอยิ้มกว้างมากขึ้น เห็นฟันหมดทุกซี่เลย!
มิตรภาพเล็กๆ ก่อเกิดขึ้นจากตัวอักษรไม่กี่ตัว ฉันไม่รู้ว่าเธอให้ความสำคัญกับมันแค่ไหน แต่รู้ไว้เถิดสำหรับฉันมันมีค่ามากมายเกินประมาณเชียวล่ะ
ใครๆ มักบอกว่าการพบกันคือจุดเริ่มต้นของการพรากจาก ฉันไม่เถียงสักคำเดียว! ...ก็มันจริงนี่นา... แต่ก่อนพรากจากนั่นสิเราได้สร้างอะไรให้ความทรงจำในอนาคตของเราหรือเปล่า? ฉันว่าจุดนี้สำคัญกว่าเป็นไหนๆ จดหมายฉบับที่แล้วฉันพูดถึงความทรงจำเธอจำได้ไหม? ‘ความซาบซ่านอันแสนอาดูร’ ไง ถึงมันจะบีบคั้นความรู้สึกให้ถวิลหาอาวรณ์ก็เถิด ฉันก็ยังยินดีจะมีมัน ก็มันคือความทรงจำดีๆ นี่นา
เชื่อได้เลย มิตรภาพของเราในวันนี้จะเป็นความทรงจำดีๆ ของฉันในวันข้างหน้า เมื่อการจากลาเดินทางมาถึง
ตลกจัง เราเพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่ฉันดันพูดถึงการจากลาซะแล้ว เธอจะว่าฉันบ๊องมั้ยนะ?
อยากรู้จังเลย ดาวที่เธออยู่จะเป็นยังไงบ้าง จะเหมือนดาวสีน้ำเงินที่ฉันอยู่หรือเปล่า? เธอรู้จักดาวสีน้ำเงินมั้ย? ที่นี่มีทะเลสีคราม มีท้องฟ้าสวยใสไกลสุดสายตาจะมองเห็น มีแม่น้ำเย็นฉ่ำชื่นใจ มีภูเขาที่มีต้นไม้ปกคลุมเต็มพืดไปหมดจนฉันชักสงสัยว่าหากหลงเข้าไปในภูเขานั้นตลอดทั้งชีวิตที่เหลือฉันจะหาทางออกเจอหรือเปล่า? มีนกสารพันชนิดบินว่อนเต็มท้องฟ้า มีดอกไม้สารพันอย่างสีสันแปลกตาแถมกลิ่นก็หอมหวนชวนดม มีแมลงอีกมากมายก่ายกอง
บนดาวสีน้ำเงินมีความสดใสไร้เดียงสาเป็นบทเริ่มต้นของชีวิต ตอนเด็กๆ ฉันเคยวิ่งไล่จับผีเสื้อด้วยล่ะ แต่ตอนนี้ฉันโตเกินกว่าที่จะทำแบบนั้นอีกแล้ว มีหลายอย่างที่ฉันเคยทำตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถทำมันได้อีก เมื่อเราโตขึ้นอะไรๆ ก็เปลี่ยนไป
เธอรู้มั้ย? บางทีฉันรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตช่างไร้สาระสิ้นดี มันเหมือนฉันกำลังจมปลักอยู่ในความไร้สาระนั้นจนหาทางออกไม่เจอ ฉันพยายามคิดใคร่ครวญไตร่ตรองทุกเรื่องราว แต่ทุกครั้งก็ไม่ต่างกัน ฉันไม่เคยได้อะไรจากความพยายามนั้นเลย ...บางที ฉันอาจต้องการเวลามากกว่านี้สำหรับการครุ่นคิด หรืออาจเป็นเวลาสำหรับเรียนรู้โลกให้มากขึ้น ไม่แน่นะ ในอนาคตเมื่อฉันมองย้อนกลับมา ฉันอาจรู้สึกว่าความสงสัยนี้ต่างหากคือสิ่งไร้สาระแทนที่จะเป็นเรื่องราวต่างๆ บางทีสิ่งที่ถูกต้องคือ ฉันไม่ควรสงสัยอะไรเลย ฉันเพียงแค่ดำเนินชีวิตไปตามวิถีทางที่ควรจะเป็น แต่ก็อีกนั่นแหละ ฉันไม่รู้เลย ทางไหนคือวิถีที่ควรจะเป็น?
หวังเพียงว่าเมื่อถึงเวลาเหมาะสมฉันคงรู้คำตอบทั้งหมด
รักและคิดถึง
เด็กสาวบนดาวสีน้ำเงิน
หน้าร้อน ปลายเมษาฯ ๒๕๕๒
สวัสดีเธอผู้อยู่แดนไกลแปลกใจมากไหม? ที่อยู่ดีๆเธอก็ได้รับจดหมายฉบับนี้ ความจริงฉันใคร่ครวญอยู่นานเหมือนกันว่าจะเขียนถึงเธอดีหรือเปล่า ระหว่างชั่งใจอยู่นั้น พลันดินสอในมือขยับเดินทางเป็นตัวอักษร
มาถึงบรรทัดนี้เธอคงเข้าใจแล้วสินะ ฉันไม่ได้เขียนจากการตัดสินใจของฉันเอง แต่เป็นจิตใต้สำนึกต่างหากที่ชักนำดินสอในมือให้เคลื่อนไหว
ระหว่างเขียนอยู่นี้ฉันไม่มั่นใจเลยว่าเธอจะได้อ่านมันหรือเปล่า ฉันรู้เพียงว่าฉันต้องเขียน เขียน และเขียน เขียนจนกระทั่งปลายดินสอเดินทางไปถึงอักษรตัวสุดท้าย ฉันก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ อักษรตัวสุดท้ายอยู่ตรงไหน แต่ฉันคิดว่าเมื่อมันโผล่มา ฉันคงรู้
จดหมายฉบับแรก ฉันควรคุยกับเธอด้วยเรื่องอะไรดีนะ?
ความจริงแล้วฉันตื่นเต้นมากเลยล่ะเมื่อตัดสินใจว่าจะเขียนจดหมายมาหาเธอ จนไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี ก็นานมากแล้วนี่ที่ฉันไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้ จดหมายฉบับสุดท้ายที่มาจากลายมือของฉันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ฉันยังนึกไม่ออกเลย ...แต่น่าแปลกจังที่ฉันยังสัมผัสได้ถึงความสุขซึ่งอวลอยู่ในจดหมายทุกฉบับที่ได้รับ มันอุ่นซ่านไปด้วยมนต์ประหลาดที่ฉุดดึงให้ฉันดำดิ่งไปสู่โลกอีกใบ น่าพิสมัยและแสนรื่นรมย์จนฉันยังนึกฉงนว่าตัวอักษรเพียงหน้ากระดาษสามารถเนรมิตโลกได้สวยซึ้งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
บางทีอาจไม่เพียงตัวอักษรที่สร้างโลกใบนั้น แต่อาจรวมถึงองค์ประกอบอื่นบางอย่างซึ่งฉันไม่แน่ใจ อาจเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่แผ่วมาจากเนื้อกระดาษเหมือนมันถูกฉาบเคลือบไว้ในทุกอณูเนื้ออักษร หรืออาจเป็นลายเส้นพลิ้วไหวของกลีบดอกไม้ หรือบางทีอาจเป็นเส้นสายที่ประกอบเป็นรูปร่างของใครสักคนซึ่งประทับลงบนเนื้อกระดาษนั้น งดงามราวมีชีวิตอยู่ในโลกฝัน ฉันมักดิ่งภวังค์ทุกครั้งที่หยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่าน ไม่ว่าจะเป็นจดหมายฉบับใดก็ตาม และไม่ว่าฉบับนั้นจะผ่านการอ่านมาแล้วกี่ครั้งความรู้สึกไม่เคยต่างกันเลย
ตลกไหมที่เราหวนหาอดีตขณะปัจจุบันพรากมันไปลิบตา ทุกสิ่งที่ระลึกได้เป็นเพียงตะกอนผลึกซึ่งตกค้างอยู่ในความทรงจำที่ไม่อาจบิดเบือน ทำลาย หรือลบล้างลงได้
ฉันคิดว่าเธอคงมีความทรงจำในหลายเรื่องราว ทั้งที่ดีและ/หรืออาจไม่ค่อยจะดี ฉันไม่อยากเรียกมันว่า ‘ความทรงจำเลวร้าย’ เพราะดูเหมือนจะโหดร้ายและอยุติธรรมเกินไปหากจะประณามกันแบบนั้น ความทรงจำทรงทั้งมวล -ไม่สิ ไม่ใช่เพียงแค่ความทรงจำหรอก ต้องบอกว่าทุกสิ่งอย่างทั้งมวลที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ล้วนหล่อหลอมมาเป็นเราในวันนี้ เรื่องราวดีๆ ประกอบมาเป็นเราที่งดงาม เรื่องราวไม่ดีทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น และพร้อมจะเผชิญกับเรื่องราวไม่ดีที่จะมาทักทายเราอีกในอนาคตได้อย่างไม่หวั่นเกรง
แต่ก็แน่ล่ะ ใครกันจะอยากเก็บเรื่องไม่ดีเอาไว้ บางทีมันก็เป็นเหตุสุดวิสัยที่เรื่องราวแย่ๆ ยังเกาะติดหนึบอยู่ในความทรงจำอยู่ชั่วนาตาปี ...ยังไงเสีย ความทรงจำก็เป็นเพียงความทรงจำ จะดีหรือไม่ดี เรื่องราวเหล่านั้นก็ผ่านพ้นไปแล้ว เหลือเพียงร่องรอยเท่านั้นที่ทิ้งไว้บอกให้รู้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยผ่านมา
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถิด ทำไมนะ ยามฉันคิดถึงเรื่องราวดีๆความโหยหาถึงได้โอบล้อมฉันไว้ มันซาบซ่าน พร้อมกันนั้นก็บีบคั้นความรู้สึกให้ต้องจำนน ฉันอยากเรียกมันว่า ‘ความซาบซ่านอันแสนอาดูร’ เธอเคยรู้สึกเหมือนอย่างที่ฉันรู้สึกหรือเปล่านะ? เธอจะโหยหาบางอย่างเหมือนอย่างที่ฉันโหยหาหรือเปล่า? หรือมีเพียงฉันคนเดียวที่โหยหาอยู่เช่นนี้ ---ช่างเถิด.... มันไม่สำคัญหรอกว่าจะมีใครรู้สึกเหมือนฉันบ้าง มันสำคัญตรงที่ฉันรู้สึกอย่างไร และฉันพยายามจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไรต่างหาก
เห็นไหมล่ะ? ฉันตื่นเต้นจนเอาเรื่องอะไรก็ไม่รู้มาพูดคุย แต่ยังไงฉันก็ดีใจนะที่ได้เขียนจดหมายมาหาเธอ และหวังว่าเธอจะมีความสุขเมื่ออ่านจดหมายฉบับนี้เหมือนอย่างที่ฉันเคยมีความสุขกับจดหมายทุกฉบับของฉัน แล้วฉันจะเขียนจดหมายมาหาเธออีก
ดีใจที่เราได้รู้จักกัน
เด็กสาวจากดาวสีน้ำเงิน
เมษาฯ ๒๕๕๒
๏ โอบกอดความเหงาอยู่เปล่าดาย
ขับเคี่ยวความงมงายเหมือนไร้ผล
กอดซับรับรสกรดกร่น
จมปลักวังวนจินตนา
โอบกอดความเศร้าซุกเงาหลืบ
ปล่อยใจสานสืบปรารถนา
ปลดเปลื้องวิญญาณผ่านมรรคา
เหลือรอยเวทนาในเงาใจ
โอบกอดความเดียวดายโดยดายเดียว
ในความเปล่าเปลี่ยวและหวั่นไหว
ซุกซ่อนอารมณ์ข่มไว้
โหยไห้อันใดปลอบประโลม
จองจำดวงใจในวิถี
รุมสุมอัคคีถั่งโถม
แผดเผารุ่มร้อนรันโรม
หวังใดบรรโลมให้บรรเทา
รอยบาปกำซาบอาบจิต
ล่องนาวาชีวิตอับเฉา
สำนึกสึกกร่อนแหว่งเว้า
ร้อนเร่าเคล้าคลุกราคี
เลอะเลือนในห้วงความคิด
เสพติดตัณหาเปรมปรี่
มัวเมาเริงร่านสามานย์อัปรีย์
ถมถ่อยธุลีเลี้ยงวิญญาณ์
ดวงใจดวงจิตหมองไหม้
ท่ามทางฝันใฝ่แสวงหา
ท่ามทางดุ่มด้นผ่านพ้นมา
ทิ้งรอยเวทนาหว่างซอกใจ
ลึกสุด ณ ห้วงสำนึก
ตะกอนผลึกโหยไห้
ระงมกรีดร่ำอยู่รำไป
ทุกเสี้ยวหายใจในชีวิต!
เจ้าเอย..เจ้าดอกไมตรี
เจ้าแย้มบานได้ทุกที่
ดอกไมตรีช่างงามสดใส
เจ้าเอย..เจ้าดอกรัก
ยิ่งเบ่งบานยิ่งตระหนัก
ว่ากลิ่นดอกรักช่างยวนยั่วใจ
เจ้าเอย..เจ้าสายสวาท
ตัดเยื่อตัดใยไม่เคยขาด
โอ้สายสวาทช่างบาดดวงใจ
เจ้าเอย..เจ้าสายลม
ยามเจ้ารำเพยผ่านพรม
วานฝากใจลอยลมไปถึงคนไกล
เจ้าเอย..เจ้าสายฝน
ยามเจ้าร่วงหล่น
ช่วยขับกล่อมใครบางคนด้วยมนต์เพลงฝนได้ไหม?
"มีดวงใจหนึ่งดวงจะมอบให้เธอไว้ครอง
เมื่อยามสองเราต้องจากไกล
พาดวงใจเลื่อนลอยฝากบทเพลงบรรเลงให้ไว้
..เธอโปรดเก็บใจเอา..ไว้เพื่อรอ..
ฝากคำว่าคิดถึง..ให้เธออยู่เสมอ
แม้ไม่ได้เจอฉันก็สุขใจ
หากชีวิตไม่สิ้น ฉันจะกลับเอารักมาให้
เธอโปรดจำไว้วันที่ฉันรอ...
..เธอโปรดเก็บใจ..เอาไว้เพื่อรอ.."*
* เพลง รอวันฉันรักเธอ