สวัสดีสหายรักต่างดาว
ไม่ได้เขียนจดหมายมาคุยกันนานเลย เธอคอยบ้างหรือเปล่า? ฉันก็อย่างงี้แหละ นิสัยเสียประจำตัวที่ต้องปรับปรุงโดยด่วนคือเรื่องวินัย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยทำสำเร็จ เถอะ สักวันฉันคงทำได้
อีกไม่นานบนดาวของฉันก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ตั้งตารอคอยลมหนาวด้วยใจจดจ่อ ตอนนี้อาศัยพัดลมแทนลมหนาวอยู่ทุกวัน บางครั้งอากาศมัวซัวเหมือนว่าจะหนาว แต่ก็แค่ ‘เหมือนจะ’ ไม่รู้เมื่อไหร่ลมหนาวจะมาเยือนจริงๆ ถึงฉันจะชอบฤดูฝนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ฤดูหนาวฉันก็มิได้รังเกียจเดียดฉันท์ กลับนึกชอบมันเหมือนกัน เพราะมันทำให้รู้สึกว่าดาวโลกที่ฉันอยู่หมุนช้าลง ทุกอย่างรอบตัวสงบซบเซา พักผ่อนจากความเหนื่อยล้ามาเนิ่นนาน และมันทำให้เราเดินทอดน่องชมสรรพสิ่งได้อิสระเสรี
ระเบียงห้องของฉันมีไม้แขวนมาใหม่สองต้น อยู่ได้ไม่นานใบมันก็เริ่มโรย หวั่นเหลือเกินว่ามันจะมีชีวิตอยู่ไม่พ้นฤดูหนาวนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันคงต้องบอกใครๆ ว่า ‘มันหนาวตาย’ เธอว่าเข้าท่ามั้ย?
แปลกประหลาดจังเลย ต้นไม้ที่มาอยู่ริมระเบียง ถ้ามันมีชีวิตอยู่รอดพ้นสามเดือนแรกมาได้ มันก็ไม่แคล้วต้องกลายเป็นต้นไม้พิกลพิการไม่สมประกอบ แต่กลับมีสองต้นที่นอกจากจะมีชีวิตอยู่ยั้งยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้ซึ่งก็ปาเข้าไปค่อนปีแล้ว ยังอ้วนท้วนเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ เจริญผิดหูผิดตาเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ มันคงเป็นประเภท ‘ผ่าเหล่า’ นะ เธอว่ามั้ย?
เจ้าสองต้นนี้มีชื่อว่าต้นอะไรบ้างฉันก็จำไม่ได้หรอก ไม่ใช่ว่าจำชื่อมันไม่ได้ แต่จำไม่ได้ว่าคนให้มาเขาบอกชื่อมาด้วยหรือเปล่า นั่งนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก รู้แต่ว่ามันเป็นต้นไม้ ‘ให้หวย’ ที่แม่ขอมาจากคนรู้จักตอนขึ้นมาเยี่ยมฉันครั้งก่อนโน้น แต่ดันเอากลับไปด้วยไม่ได้ เพราะสัมภาระของพระคุณท่านก็มากมายมหาศาลอยู่แล้ว อันนี้ก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าจะขนอะไรกลับไปนักหนา ฉันเลยต้องรับผิดชอบดูแลต้นไม้ให้ วิธีการปลูกก็ผิดหลัก หลักอะไรดีล่ะ น่าจะบอกว่าหลัก ‘ไสยศาสตร์’ นั่นแหละดูจะเหมาะสุด
เอาแค่ง่ายๆ กฎข้อแรก สถานที่ที่จะปลูกต้องไม่มีเสื้อผ้าแขวนไว้ด้านบน แต่ด้วยพื้นที่จำกัด ฉันเอาไปปลูกไว้ใต้ราวผ้าซะเลย มันกลับไม่ยักเป็นอะไร อีกข้อ สำคัญมาก ยามเข้าช่วงฤดูผู้หญิงๆ(รู้มั้ยฤดูผู้หญิงคือฤดูอะไร? ฉันว่าเธอน่าจะรู้) นั่นแหละ เข้าฤดูผู้หญิงเมื่อไหร่ห้ามโดนต้นมันเด็ดขาด! ย้ำว่า ‘เด็ดขาด’ ด้วยนะ แต่ฉันไปนั่งลูบๆ คลำๆ มันออกบ่อย ก็เห็นมันเจริญได้เจริญดี ไม่รู้เขาไปเอามาจากตำราไหนกัน
ตอนนี้ต้นหนึ่งสูงเกือบขอบหน้าต่างแล้ว อีกต้นแตกหน่อมาใหม่ แข่งกันออกใบจนแยกไม่ออกว่าต้นไหนแม่ต้นไหนลูก มันออกดอกสีขาวมาอวดโฉมด้วยสองดอก ฉันโทรไปบอกแม่ แม่บอกลองนั่งหาดู เผื่อมันจะให้ ‘เลขเด็ด’ เอากับเขาสิ
เธอรู้จักหวยหรือเปล่า? ฉันก็อธิบายไม่ถูกหรอกว่ามันเป็นยังไง รู้แต่มันมีเลข 0 ถึง 9 วนไปเวียนมาอยู่สิบตัวนี่แหละ เธอก็อย่าไปใส่ใจมันเลยนะ รู้ไว้เพียงมันสามารถทำให้คนรวยได้ในพริบตา แต่เท่าที่ดู เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซนต์มันทำให้จนผ่อนส่งทั้งนั้น เธอคงคิดล่ะสิว่าจนผ่อนส่งไม่เห็นจะรุนแรงอะไรเลย เอาเถิด เจอเข้ากับตัวแล้วจะรู้ ว่าไอ้ความงมงายน่ะมันร้ายกาจขนาดไหน
ฉันจบจดหมายแค่นี้ล่ะ แล้วจะเขียนมาคุยด้วยใหม่ หวังว่าเธอคงสุขสบายดี
ด้วยความระลึกถึง
เพื่อนเธอบนดาวสีน้ำเงิน
เริ่มพฤศจิกาฯ 2552
ไม่ได้เขียนจดหมายมาคุยกันนานเลย เธอคอยบ้างหรือเปล่า? ฉันก็อย่างงี้แหละ นิสัยเสียประจำตัวที่ต้องปรับปรุงโดยด่วนคือเรื่องวินัย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยทำสำเร็จ เถอะ สักวันฉันคงทำได้
อีกไม่นานบนดาวของฉันก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ตั้งตารอคอยลมหนาวด้วยใจจดจ่อ ตอนนี้อาศัยพัดลมแทนลมหนาวอยู่ทุกวัน บางครั้งอากาศมัวซัวเหมือนว่าจะหนาว แต่ก็แค่ ‘เหมือนจะ’ ไม่รู้เมื่อไหร่ลมหนาวจะมาเยือนจริงๆ ถึงฉันจะชอบฤดูฝนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ฤดูหนาวฉันก็มิได้รังเกียจเดียดฉันท์ กลับนึกชอบมันเหมือนกัน เพราะมันทำให้รู้สึกว่าดาวโลกที่ฉันอยู่หมุนช้าลง ทุกอย่างรอบตัวสงบซบเซา พักผ่อนจากความเหนื่อยล้ามาเนิ่นนาน และมันทำให้เราเดินทอดน่องชมสรรพสิ่งได้อิสระเสรี
ระเบียงห้องของฉันมีไม้แขวนมาใหม่สองต้น อยู่ได้ไม่นานใบมันก็เริ่มโรย หวั่นเหลือเกินว่ามันจะมีชีวิตอยู่ไม่พ้นฤดูหนาวนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันคงต้องบอกใครๆ ว่า ‘มันหนาวตาย’ เธอว่าเข้าท่ามั้ย?
แปลกประหลาดจังเลย ต้นไม้ที่มาอยู่ริมระเบียง ถ้ามันมีชีวิตอยู่รอดพ้นสามเดือนแรกมาได้ มันก็ไม่แคล้วต้องกลายเป็นต้นไม้พิกลพิการไม่สมประกอบ แต่กลับมีสองต้นที่นอกจากจะมีชีวิตอยู่ยั้งยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้ซึ่งก็ปาเข้าไปค่อนปีแล้ว ยังอ้วนท้วนเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ เจริญผิดหูผิดตาเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ มันคงเป็นประเภท ‘ผ่าเหล่า’ นะ เธอว่ามั้ย?
เจ้าสองต้นนี้มีชื่อว่าต้นอะไรบ้างฉันก็จำไม่ได้หรอก ไม่ใช่ว่าจำชื่อมันไม่ได้ แต่จำไม่ได้ว่าคนให้มาเขาบอกชื่อมาด้วยหรือเปล่า นั่งนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก รู้แต่ว่ามันเป็นต้นไม้ ‘ให้หวย’ ที่แม่ขอมาจากคนรู้จักตอนขึ้นมาเยี่ยมฉันครั้งก่อนโน้น แต่ดันเอากลับไปด้วยไม่ได้ เพราะสัมภาระของพระคุณท่านก็มากมายมหาศาลอยู่แล้ว อันนี้ก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าจะขนอะไรกลับไปนักหนา ฉันเลยต้องรับผิดชอบดูแลต้นไม้ให้ วิธีการปลูกก็ผิดหลัก หลักอะไรดีล่ะ น่าจะบอกว่าหลัก ‘ไสยศาสตร์’ นั่นแหละดูจะเหมาะสุด
เอาแค่ง่ายๆ กฎข้อแรก สถานที่ที่จะปลูกต้องไม่มีเสื้อผ้าแขวนไว้ด้านบน แต่ด้วยพื้นที่จำกัด ฉันเอาไปปลูกไว้ใต้ราวผ้าซะเลย มันกลับไม่ยักเป็นอะไร อีกข้อ สำคัญมาก ยามเข้าช่วงฤดูผู้หญิงๆ(รู้มั้ยฤดูผู้หญิงคือฤดูอะไร? ฉันว่าเธอน่าจะรู้) นั่นแหละ เข้าฤดูผู้หญิงเมื่อไหร่ห้ามโดนต้นมันเด็ดขาด! ย้ำว่า ‘เด็ดขาด’ ด้วยนะ แต่ฉันไปนั่งลูบๆ คลำๆ มันออกบ่อย ก็เห็นมันเจริญได้เจริญดี ไม่รู้เขาไปเอามาจากตำราไหนกัน
ตอนนี้ต้นหนึ่งสูงเกือบขอบหน้าต่างแล้ว อีกต้นแตกหน่อมาใหม่ แข่งกันออกใบจนแยกไม่ออกว่าต้นไหนแม่ต้นไหนลูก มันออกดอกสีขาวมาอวดโฉมด้วยสองดอก ฉันโทรไปบอกแม่ แม่บอกลองนั่งหาดู เผื่อมันจะให้ ‘เลขเด็ด’ เอากับเขาสิ
เธอรู้จักหวยหรือเปล่า? ฉันก็อธิบายไม่ถูกหรอกว่ามันเป็นยังไง รู้แต่มันมีเลข 0 ถึง 9 วนไปเวียนมาอยู่สิบตัวนี่แหละ เธอก็อย่าไปใส่ใจมันเลยนะ รู้ไว้เพียงมันสามารถทำให้คนรวยได้ในพริบตา แต่เท่าที่ดู เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซนต์มันทำให้จนผ่อนส่งทั้งนั้น เธอคงคิดล่ะสิว่าจนผ่อนส่งไม่เห็นจะรุนแรงอะไรเลย เอาเถิด เจอเข้ากับตัวแล้วจะรู้ ว่าไอ้ความงมงายน่ะมันร้ายกาจขนาดไหน
ฉันจบจดหมายแค่นี้ล่ะ แล้วจะเขียนมาคุยด้วยใหม่ หวังว่าเธอคงสุขสบายดี
ด้วยความระลึกถึง
เพื่อนเธอบนดาวสีน้ำเงิน
เริ่มพฤศจิกาฯ 2552
จะตัดเล็บมาลอยด้วยก็เกรงติดขี้เล็บกลิ่นตุ
จะตัดผมก็ไม่รู้จะตัดทรงอะไร
เอาเป็นว่ามาขอลอยด้วยแล้วกัลล์
พร้อมยัง..?
ลอยล่ะนะ..อึ๊บ!
หวัดดีแม่พระพาย ไม่ได้คุยกันเสียนาน สบายดีนะขอรับ
กระผมเองสบายดี หลังจากจบการแข่งขันกับไอ้หนุ่มเมืองระโนดแล้วก็เบาตัว ตอนี้สนุกกับการแต่งบล็อก และทุกข์กับการเตรียมสอบซ่อม ส่วนเรื่องงานก็เรื่อยๆ
คราวต่อไปถ้าแม่พระพายจะไปลูบๆคลำต้นไม้ให้หวย ถ้าเอิญเห็นมันออกเลขอะไร ก็ให้บอกกล่าวกันบ้างนะขอรับ รัฐบาลบริหารงานยังไงของมันไม่รู้ ผมจนลง...
เลยคิดจะเล่นหวยบ้าง ฮา