๏ เรื่อยสายลมโลมลานมาผ่านแผ่ว
ยินเสียงแว่วขอตักพักอาศัย
จะซบลงตรงนี้ไม่หนีไกล
สิ้นอาลัยอาวรณ์ถิ่นจรมา


เถิด..จะพักก็พักเสีย
หากเหนื่อยเพลียล้าอ่อนร้อนเพิงผา
หรืออาดูรร้าวรานธารธารา
และเจ็บปร่าด้วยรอยแรงแสงตะวัน


ที่แห่งนี้จะโลมไล้ให้ไออุ่น
จงนอนหนุนหลับตานิทราฝัน
ใต้แสงนวลอวลผ่องละอองจันทร์
อย่าได้หวั่นผองภัยใดใดเลย


ที่แห่งรักภักดีนี้รอเจ้า
มาแนบเนาร่วมเรียงเคียงเขนย
แอบอกอ้อนอิงอุ่นอย่างคุ้นเคย
อย่าปลิวเลยไปสุดห้วง..นะดวงใจ ฯ


...




วาระร้อยอักษรกำนัล -ใจลอย- ท่านดิน
(บรู๊ฟใหม่โดยท่านดิน)

๏ ใต้ม่านควันกลบฟ้าในป่าเมือง
ใต้รุ่งเรืองหลายหลากไฟมากสี
ใต้ร่มเงาตึกปูนพูนทวี
ใต้อัคคีตามหลอกในซอกใจ


ใครคนหนึ่งนั่งวิโยคด้วยโศกสร้อย
ในเลื่อนลอยเหว่ว้าที่บ่าไหล
ในระย่อทุกท้อที่คลอไคล้
จวบจนใกล้รุ่งสางจึงสร่างซา


ผ่านคืนเหงาในเงาอันมืดมิด
เหลือเพียงจิตร้าวเจ็บจนเหน็บชา
กับซากร่างพร่างคราบอาบน้ำตา
ที่ขมปร่าในระทมเกินข่มกลืน


เธอลุกขึ้นยืนหยัดปัดคราบช้ำ
เก็บระกำฝังกลบลบสะอื้น
เพราะชีวิตยังไม่แพ้แม้ล้มครืน
จำต้องยืนฝืนสู้ทนจนกำชัย


จะกี่ร้อน กี่หนาว กี่คราวชอก
กี่ลวงหลอกในมนุษย์ยุคสมัย
กี่โหยหา กี่ร้าวรวด กี่ปวดใจ
คงผ่านไปเมื่ออำลาถิ่นป่าเมือง ฯ


...




วาระปะฝีกลอน -ทุกขณะ- ท่านนมัสสา
ใครบางคน

๏ อยู่บ้านนาปลายเนินเดินเพลินชม
รื่นพิรมย์ร่ำกลิ่นรินรินหวน
ปวงผกาลอยลมพรมรัญจวน
หอมแนบนวลยวนเย้าเคล้านวลดาว

ล่วงเวลาดื่นดึกนึกคะนึง
เสนาะซึ้งคำหวานผ่านลมหนาว
เย็นลมรักผ่านพลิ้วม่านริ้วดาว
อกรวดร้าวอยู่มิวายก็หายพลัน

ใครอีกคน

๏ โอ้ลมรักส่งไปลอยไหวคว้าง
ผ่านอ้างทางวกมิผกผัน
ผ่านเย็นนวลแสงดาวพราวแสงจันทร์
ก็มิหวั่นหลงแสงสิ้นแรงลม

เดือนเด่นดึกล่องลอยจนคล้อยสาง
หนาวน้ำค้างมาประเดประเสประสม
แม้หนาวนักอย่างไรให้ซานซม
ก็จะลอยล่องลมประพรมไป

เพียงเปิดใจรับอวลไอในกลิ่นกรุ่น
ในอวลอุ่นละมุนเพียงอยู่เคียงใกล้
นั่นแหละใจเคลื่อนคล้อยลอยลมไป
โปรดเก็บใจวางแนบใจ นะคนดี.


วาระปะฝีกลอน 'ในรัก' ท่านดิน

๏ หนุ่มไหนหนอมาคร่ำครวญอยู่หวนไห้
ปานดวงใจลาญแหลกให้แตกป่น
นั่งครวญกลอนวอนคำกับลมวน
ทุรายรนเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย

เหม่อมองฟ้าคล้ายดารามาเปลี่ยนรัก
ซึ่งตระหนักเมื่อรักมั่นพลันสลาย
โอ้ดวงใจร้าวรวดปวดเจียนตาย
นั่งอยู่ปลายลานดินกินน้ำตา

สายลมโบกโยกไหวแม้ไกลแสน
แม้นสิ้นแดนฟ้าครามไต่ถามหา
หอบไปเถิดลมรักหอบพัดพา
ส่งรักรื่นชื่นชีวาให้เขาที

จากหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งเคียงใกล้
ร่ำอาลัยอาวรณ์อยู่ล้นปรี่
จากดวงใจหนึ่งดวงหนึ่งห้วงนี้
หวังให้เขาสุขีทุกวี่วัน

จากดวงใจหนึ่งดวงห่วงใยเหลือ
อยากโอบเอื้ออาทรเว้าวอนฝัน
ฝากชีวิตจิตใจในผูกพัน
ร่วมแบ่งปัน สุข-ทุกข์ ทุกวันคืน ฯ

...




วาระปะฝีกลอน -ถามรัก- ท่านหนุ่มช่างสงสัย(สหายสำนักหนอน)

๏ เสียงเรื่อยเจื้อยแจ้วมาแว่วหวาน
คล้ายวันวานนานเนาแต่เก่าก่อน
ย้อนคืนมามั่นแม้นไม่แคลนคลอน
ไม่แรมรอนห่างหายจนหน่ายแรง


เสียงทิวไผ่เสียดกอคลอสายลม
ดอกชวนชมริ้วระบายในสายแสง
ดอกรักเร่เร่ร่ายไม่หน่ายแคลง
จวบสิ้นแรงร่อนเร่ในเปลใจ


พลิ้วสายลมโลมไล้เรียวใบหญ้า
สกุณาร้องรับขับเสียงใส
สำเนียงเอื้อยเฉื่อยฉ่ำล้ำละไม
จากพงไพรล่องลอยจนคล้อยเลือน


หวานมนต์เพลงดวงดาวพราวเกลื่อนฟ้า
แจ่มจรัสเจิดจ้าหาใดเหมือน
เจ้าดาวรายหมายเรียงร่วมเคียงเดือน
จึงพราวเกลื่อนแสงกล่นเป็นมนต์ดาว


เพลงท้องทุ่งบรรเลงบทเพลงหวาน
กล่อมลำนำซึ้งซ่านมาขานกล่าว
ร้อยวธุรสกลอนกานต์ประสานดาว
เป็นม่านพราวมนต์รักนักกวี
.
.
.
เป็นม่านพราวมนต์รักในอักษรา ฯ





วาระปะฝีกลอน -คืนเรือน- ท่านดิน

๏ แผ่วลมรักพริ้วไหวเกินใจรั้ง
พรากความหวังจางหายในสายหมอก
ธุลีรักจากใครใจช้ำชอก
แกล้งลวงหลอกเล่ห์ร้ายไปรายทาง


ค่ำคืนยืนชมจันทร์ในฝันหนาว
น้ำตาพราวพร่างพรมเปื้อนลมสาง
ธุลีดินด้อยค่ามาว่าวาง
ธุลีดาวเคียงข้างธุลีเดือน


ไยกล่าวเช่นนั้นหนอพ่อยอดขวัญ
ทุกข์ใดกันเกินนี้มิมีเหมือน
ดวงดาราฤาหมายอยากใกล้เดือน
กลับถูกเฉือนเชือดคำจนช้ำใจ ฯ

...


วาระปะฝีกลอน -แผ่วลมรัก- ท่านดิน (บรู๊ฟใหม่โดยท่านดิน)
ถึงธุลีดิน ณ ฝั่งลาว ...................................จากธุลีดาว ณ ถิ่นไทย

ความคิดถึงมันห้ามไม่ไหว จึงกลั่นเป็นถ้อยคำจากดวงใจ ส่งข้ามฟ้าไปหาเธอ

ฟากฟ้าที่เธอแหงนมอง
มีดาวส่องแสงบ้างไหม
ฟากฟ้าทางนี้แสนเหงาใจ
มีดาวมากมายแค่ไหน ก็ไม่สุขใจเท่ามีเธอ

เราสองห่างกันแสนไกล
อีกนานมั้ยจะกลับมาพบเจอ
หัวใจฉันเฝ้าแต่พร่ำเพ้อ
อยากเจอหน้าเธอในดวงดาว

แหงนมองดาวบนฟ้ากว้าง
ดาวหางวันนี้ไม่มีหาง
เพราะโดนคนใจร้ายตัดหางปล่อยวัดไปแล้ว

ดาวไถวันนี้ไม่ได้ไถ
คงไม่มีใครอยากทำนาบนดวงดาว
ดาวลูกไก่ยังคงซุกตัวอยู่ในเปลือกไข่
ฉันนั่งระทมอาลัย
ก็ใครเล่าใคร ที่ปล่อยให้ใครนับดาวคนเดียว

ถึงอย่างไร หัวใจก็ยังเฝ้ารอ
กระซิบฝากแสงดาวที่ถักทอ
ฉันจะรอเธอกลับมา

หากฟ้าที่เธอแหงนมอง
ไม่มีดาวส่องแสงประกาย
และหากฉันยังมีความหมาย
อย่านิ่งดูดายนะคนดี
มาจับฉันคนนี้ไปแขวนแทนดาว




ดัดแปลงจาก บทหนึ่งใน นิทานดวงดาวฯ ของ พรชัย แสนยะมูล “กุดจี่”
วาระท่านดินท่องเที่ยวเมืองลาว

๏ กลิ่นรวงทองฟุ้งข้าวยังกราวกรุ่น
หอมละมุนอุ่นอกสะทกไหว
โสนน้อยย้อยระย้าระดาไป
ตาลโตนดระบัดใบในสายลม

เคียวเกี่ยวก้อยร้อยรวงยังเรียงราย
งอบคู่กายยังวางอยู่รอคู่สม
มวลบุปผายังรอเจ้าเฝ้าชวนชม
เด็ดดอมดมกลีบผกามาแนบกาย

ทุกทิวาราตรีไม่มีแล้ว
เจ้าดวงแก้วขวัญพี่มาหนีหาย
น้ำผึ้งรวงแรมจันทร์พลันกลับกลาย
ขวัญสลายให้สะทกแทบอกพัง

หริ่งระงมเรไรครวญชวนวิปโยค
ริ้วม่านโบกล้อพระพายคล้ายลาสั่ง
สูญทุกสิ่งสิ้นทุกอย่างที่วาดหวัง
เหลือความหลังทิ้งไว้ใต้เงาเดือน

พี่อยู่นี่ทุกนาทีคะนึงหา
เจ้ากานดาคลอครองไม่หมองเหมือน
ภาพยามเจ้าเย้าพะนอไม่ขอเลือน
แม้นคำเอื้อนฝากรักด้วยภักดี

จวบจนสิ้นเงาร่างทางชีวิต
จะผูกจิตพิศหมายไม่หน่ายหนี
ถึงวันเดือนเคลื่อนคล้อยลอยลับปี
ใจดวงนี้มั่นสมัครเพียงภักดิ์นาง

เช้าค่ำกรำงานกลางท้องทุ่ง
จากย่ำรุ่งสู่ทิวาอุษาสาง
ฝากชีวิตกับทุ่งนาไม่ลาร้าง
จวบจนดินกลบร่างกลางท้องนา
.
.
.
ให้รักกลบภาพนางที่กลางใจฯ

๒.
คิดถึงเธอรู้บ้างไหม
คิดถึงจากใจ
คิดถึงเธอทุกคืนเลย

ไร้เธอเคียงข้างอย่างเคย
รู้บ้างไหมเอ่ย
หัวใจชอกช้ำเกินทน

ทุกค่ำคืนที่ผ่านพ้น
ฉันนั่งหมองหม่น
บนความอ้างว้างเดียวดาย

คิดถึงเธอยามชิดใกล้
แนบซบอุ่นไอ
ให้อุ่นหัวใจไม่ห่าง

๑.
หมอนใบนั้นที่เธอเคยหนุน
กลิ่นหอมกรุ่นยังไม่จืดจาง
เยื่อใยเรามั่นคงไม่สร่าง
แต่เธอมาร้างห่างไกลลับตา

เธอบอกกับฉันไม่นานจะกลับ
หาใช่ไปลับไม่นานจะกลับคืนมา
เธอทิ้งฉันไว้กับความเหว่ว้า
ฉันเหงาเกินกว่าจะเอ่ยรำพัน

ฉันนอนขดตัวภายใต้ผ้าห่ม
มันขื่นมันขมเกินใจอดกลั้น
คิดถึงไออุ่นที่เรามีกัน
พลันน้ำตากลั่นไหลรินเป็นสาย

นานแล้วนะ..นานแล้ว..เธอยังไม่กลับ
คืนวันฉันนับด้วยใจสลาย
หรือใจของเธอนั้นมอดมลาย
สิ้นความทรงจำทั้งหลาย...ระหว่างเรา

๐.
หากเธอยังมีเยื่อใยอยู่บ้าง
มาลบอ้างว้างและความเปลี่ยวเหงา
มานอนข้างเคียงบนเตียงของเรา
อย่าปล่อยฉันเหงาอยู่เพียงเดียวดาย

.
.
.
กลับมาซะทีสิไอ้คนใจร้าย..............ฉันกำลังจะตายเพราะกลัวผี...!!!



วาระโดนทิ้งให้นอนเฝ้าห้องคนเดียว

๏ ธุลีหมอกหยอกเย้าธุลีลม
ธุลีรักเพาะบ่มธุลีชีวิต
ธุลีใจสื่อสายใยในห้วงคิด
ธุลีจิตสื่อประสานเป็นตัวตน

ค่ำคืนยืนชมจันทร์ในฝันรัก
รอยสลักปักตรึงคะนึงหวน
รอยอาลัยละไมมุนยังอุ่นอวล
รอยยิ้มยวนชวนชิดสนิทใจ

เพียงรุ่งเช้าอุษาสางกระจ่างแจ้ง
เริงร้อนแรงพิษรักสลักไว้
เริงรุมเร้าแผดเผาช้ำทรวงใน
เริงระบำร่ำร่ายในเวจิณ

ธุลีเดือนเกลื่อนสกาวในราวฟ้า
ธุลีป่ายังทิ้งซากฝากผาหิน
ธุลีดาวยังอิงซบธุลีดิน
ธุลีใจใยสิ้นธุลีรัก !



งานกลอนชิ้นแรก, กันยายน ๒๕๕๑


๏ สายหมอกคลี่ผ่านราวม่านฝัน
โลมไล้เรียวใบ้หญ้าพฤกษาพรรณ
จูบซับรับขวัญผกาไพร

สายลมพรมพลิ้วริ้วใบไม้
ระบำส่ายสะพัดระบัดไหว
บ้างปลิดใบทิ้งต้นลงกล่นไป
ท่องเถื่อนไพรพลิ้วพรายตามสายลม

แสงอุษาส่องโสมประโลมหล้า
ทาบขอบฟ้าแจ่มแจ้งด้วยแสงสม
ประโลมซับหยาดน้ำค้างพราวพร่างพรม
ประโลมโลกเริงรื่นรมย์ด้วยร่มเย็น

มวลบุพผาเริงร่ารับแสงสรวง
ผึ้งผละรวงเคล้าเกสรฉะอ้อนเห็น
ภุมรินบินว่ายเวียนมิว่างเว้น
แย้มผ่องเพ็ญนวลจีบกลีบผกา

อวลกลิ่นหวานซ่านซาบมาอาบไล้
จากพงไพรล่องลึกมวลพฤกษา
เรื่อยเรื่อยลมหอมหวนรัญจวนมา
ต้องนาสารัดรึงซ่านซึ้งใจ

ผีเสื้อนวลยวนเย้าเคล้าคลอน้ำ
ละอองฉ่ำพรายพัดซัดซ่าไหล
แต้มปีกบางราวถนอมเจ้าจอมใจ
ให้หลงใหลมนตราแห่งวารี

กลีบผกาลอยลมมาพรมพลิ้ว
ร่ายกลีบริ้วเวียนวนยลถิ่นที่
หมุนไหวคว้างเหนือดวงห้วงนที
แล้วเรื่อยรี่ร่วงผล็อยลอยน้ำไป

เสียงปักษาคล้อยแว่วมาแผ่วหวาน
สำเริงราญขานขับรับฟ้าใส
สำเริงรื่นชื่นฉ่ำด่ำหทัย
ปล่อยดวงใจลอยล่องท่องเมฆิน

ลำห้วยใสไหลเรื่อยเอื่อยเฉื่อยผ่าน
ชลธารลัดเลาะเซาะแก่งหิน
ฟังเสียงธารฉ่ำเฉื่อยเรื่อยไหลริน
คีตศิลป์พริ้งเพราะเสนาะกรรณ

ในสวนขวัญพันธุ์พฤกษาดาดาษดื่น
ชูใจชื่นชวนชิดลิขิตฝัน
ทุกสิ่งสรรพหวานรื่นชื่นชีวัน
ขอซุกกายในสวนขวัญทุกวันคืน.


ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

นั่งเหงาเหว่ว้าเดียวดาย
ขบคิดความหมาย
เรื่องราวหลากหลายสารพัน

ชีวิตหมุนเวียนเปลี่ยนผัน
ความจริง-ความฝัน
หมุนเวียนผันเปลี่ยนเวียนไป

อะไรที่ใจฝันใฝ่
งดงามปานใด
เล่าใจถึงปรารถนา

ภาพที่เห็นล้วนเป็นมายา
สรรค์สร้างพรางตา
ปลุกปรารถนางมงาย

-๒-
หลายเรื่องราวร้อยเรียงราย
จากใจสู่กาย
สู่ความหมายนามธรรม

เพียรขบคิด ซ้ำซ้ำ ซ้ำซ้ำ
แว่วเสียงยินคำ
กระทบโสตสลายไป

สรรพสิ่งแตกดับ-เกิดใหม่
ไม่เว้น จิต-ใจ
เวียนว่ายวังวันวัฏฏา

ขอแค่ขณะเวลา
สัมผัสอนัตตา
ชั่วขณะคงเพียงพอ



ภาพประกอบ : http://www.junjaowka.com/


หลงวันหลงคืนดื่มด่ำ
จมปลักจองจำ
กับศิวิไลเฟื่องฟุ้ง

หลงเมามาดมั่นหมายมุ่ง
ก่อเกียรติบำรุง
ปรนเปรอความอยากแห่งใจ

หลงเสพสวะวิลัย
เพิ่มเชื้อสุมไฟ
เผาผลาญตัวตนทุราย

ละวางกิเลสทั้งหลาย
เลิกคิดมั่นหมาย
เกลือกกลั้วอบายโสมม

ละทิ้งเศษซากอาจม
มุ่งคลี่คลายปม
แห่งทุกขเวทนา

เลิกลิ้มชิมรสมายา
เกียรติกามตัณหา
มุ่งสู่สงบร่มเย็น

มองสรรพสิ่งตามจริงที่เป็น
บัดนั้นจึ่งเห็น
ตัวตนสว่างว่างวาง ฯ

...

วาระปะฝีกลอนท่านดิน


๏ กรุ่นสายลมหอบรักฝากพี่ยา
สุดขอบหล้าฟ้ากว้างมิขวางกั้น
ส่งมาลัยอักษรามากำนัล
เป็นของขวัญแทนรักที่ภักดี

สื่อสายใยรักมั่นยังพันผูก
รักเราผูกโยงใยในทุกที่
โยงใยฝันซ่านทรวงดวงฤดี
ดั่งน้ำทิพย์เลี้ยงชีวีของสองเรา

ระยะทางห่างไกลไม่ไหวหวั่น
สายสัมพันธ์นั้นแน่นเหนียวดุจเกลียวเถา
คล้องดวงใจสองดวงด้วยบ่วงเรา
ให้ซบเงารักมั่นนิรันดร์ไป

จะผ่านวันผ่านคืนกี่ตื่นหลับ
ยังซาบซับความรักพี่ที่มอบให้
ทุกไฟฝัน ความหวัง กำลังใจ
เป็นอาทรห่วงใยอยู่แนบกาย

ฝากบทกลอนแทนใจนี้ให้พี่
ด้วยทั้งหมดที่มีที่มั่นหมาย
ด้วยใจภักดิ์รักมั่นไม่เสื่อมคลาย
ตราบชีวาวางวายไปตามกาล

ให้รักเราร่วมร้อยถ้อยภาษา
เป็นนาวาลำนำแทนคำหวาน
ชื่นร้อยรสบทกวีมณีกานต์
เพียงดวงมาลย์ซ่านซาบอาบทรวง ฯ


ภาพประกอบ : http://www.bloggang.com/

๏ แผ่วสายลมพรมพลิ้วริ้วริ้วรื่น
ระลอกคลื่นใบไม้ระส่ายไหว
งามพริ้งเพริศเลิศล้ำระบำใบ
เป็นมนต์ไพรเพลงพรายจากสายลม

แมกไม้กอหญ้าในป่าหมอก
ผลิดอกเรียงรายละม้ายห่ม
ดงดอกดวงบุปผามาลีภิรมย์
เป็นผืนพรมพวงผกาพิลาวัลย์

เจ้าผีเสื้อบินผ่านลานดอกไม้
ดั่งเริงร่ายแดนสรวงห้วงสวรรค์
สูดกลิ่นหอมย้อมแย้มแต่งแต้มพรรณ
ในสวนขวัญรุกขชาติดาษดา

เจ้านกน้อยไซร้ขนบนกิ่งก้าน
ระบัดบายปีกหางพลางเหลียวหา
เจ้าหนอนน้อยค่อยคืบกระดึ๊บมา
ท่ามสาขากิ่งใบของไพรสณฑ์

บ้างนกน้อยโผผินจากถิ่นที่
ท่องฉิมพลีแดนฟ้าเวหาหน
บินกวัดกว่ายร่ายรี่แล้วปรี่วน
อยู่เบื้องบนท้องนภาวิลาไลย

สายธารไหลฉ่ำเฉื่อยเรื่อยเรื่อยรื่น
ในแช่มชื้นพฤกษาวารีใส
พราวน้ำค้างพร่างพรายอุ่นอายไอ
งามวิไลเกินใดเทียบมาเปรียบเปรย

------------
------------
------------
------------

เราเดินชมดวงบุปผาผกาไพร
แล้วเจ้าอยู่หนใดเล่าใจเอ๋ย
หรือเที่ยวท่องล่องไปดั่งใจเคย
ไยละเลยให้รุ่มร้อนรอนชีวา ฯ


ภาพประกอบ : http://www.bloggang.com/



-๑-
ดาวร่วงดาวร้างบนทางดาว
สิ้นแสงพริบพราวเป็นดาวหม่น
หล่นร่วงเคว้งคว้างจากวังวน
สู่ความมืดมนอนธการ

ดาวร่วงดาวโรยริบโรยแสง
แดดิ้นสิ้นแรงแสวงหาญ
แตกดับย่อยยับไปกับกาล
เหลือธุลีท่องจักรวาลนานกัปกัลป์

ดาวไหนดาวนั้นฉันฝันใฝ่
ดาวนั้นดาวไหนที่ใฝ่ฝัน
ดาวโรยดาวร่วงช่วงตะวัน
ดาวเพริศเฉิดฉันท์กับจันทร์ฉาย

ดาวไหนดาวนั้นฉันถามหา
วับวิบลิบตาหาความหมาย
วิบวับลับลามาเดียวดาย
กระวนกระวายสุมเพลิงใจ

-๒-
ฝันร้าวฝันลับไปกับขวัญ
เหลือเพียงใจหวั่นผวาไหว
ผวาหวาดรวดร้าวทุกคราวไป
หลงเล่ห์, กลใด แห่งใจตน

ฝันร้าวฝันรานสะท้านขวัญ
สะเทือนนรก สะทกสวรรค์บันดาลผล
ใจสะยอกอกแสยงมิแปลงปรน
ทุรายรนทุรนรายอยู่ดายเดียว

ฝันร้าวฝันลับดับความหมาย
ฝันสลายกลายกลับดับชั่วเสี้ยว
ฝันไหนพร่ำเพ้ออยู่เปล่าเปลี่ยว
ฝันนั้นลัดเลี้ยวไปเดียวดาย

ฝันนั้นฝันนี้ที่เคยฝัน
วับวิบพริบตะวันอันเฉิดฉาย
วับวิบพริบดาวอยู่พราวพราย
เพียงดาวคล้ายลับ ดับฝัน !


ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต
ในเรื่องราว: , |




ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนผันไป
ฤดูใจไยไม่เปลี่ยนหมุนเวียนผัน
ยังสลักปักรักทุกคืนวัน
นิจนิรันดร์คงมั่นไม่ครั่นครือ

เธออยู่ไหน โอ้...ดวงใจ อยู่ไหนเล่า
เธอแนบเนาฝากใจกับใครหรือ
หรือหลงหลุมดอกรักอันลั่นลือ
จึงยึดยื้อเป็นที่พักพำนักใจ

ในเงาหม่นคนเศร้ายังเฝ้าเพ้อ
หวังมีเธอแนบชิดสนิทใกล้
สนิทแนบแอบซบซับอุ่นไอ
ก็ห่างไกลห้วงฝันอันเลือนราง

เข้าคิมหันต์หวั่นอกสะทกร้าว
ดั่งสายว่าวมาสะบั้นเกินกั้นขวาง
ว่าวลอยลมเหินหาวพราวเพริศพราง
สุดจะรั้งรักจางวางคืนเคียง

วัสสานะหนาวเหน็บใจเจ็บปวด
พิรุณหวดแส้สายพร่างพรายเสียง
กระหน่ำฟาดสาดซ่าลงมาเพียง
ส่งสำเนียงราวมีดกรายคม

ลมเหมันต์ผันผ่านวารวันเก่า
รักสองเราเคยชื่นกลับขื่นขม
ดวงใจหนึ่งลอยไปในสายลม
อีกดวงใจตรอมตรมระทมครวญ

หลากฤดู ใจเรรวนผวนผันไป
แต่หนึ่งคนหนึ่งใจไม่ผันผวน
ผ่านสายฝนลมหนาวในร้าวรวน
ใจรัญจวนจองจำอยู่รำพัน

จากวันนั้นถึงวันนี้ไม่มีเปลี่ยน
ยังขีดเขียนคำรักปักใจมั่น
แม้ใจเจ้าหมุนเวียนเปลี่ยนตามวัน
ยังยืนยันรักเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง ฯ



ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต
ในเรื่องราว: |



ในโลกแล้งไร้ อ้างว้าง เหน็บหนาว

หลายคราอ่อนล้า สิ้นหวัง

หมดสิ้นเรี่ยวแรงแม้พยุงกายให้หยัดยืน

กลับมีบางเศษเสี้ยวลึกลับในห้วงคำนึง อิ่มเอิบ อบอุ่น

และหาญกล้าท้าทาย

ให้หัวใจกลับมาโลดเล่นได้อีกครั้ง

ฉันมักสงสัย มีอะไรซุกซ่อนอยู่ภายใน

ในห้วงคำนึงของหัวใจดวงนี้

แต่ทุกครั้งที่ตั้งคำถาม คำตอบคือว่างเปล่า

หากแต่ฉันมั่นใจ มันไม่เคยมีความว่างเปล่าอยู่ภายใน

ชีวิตยังคงดำเนิน หัวใจยังคงแสวงหา

และฉันยังเชื่อมั่น ณ ห้วงเวลาสมดุล

ณ เส้นขอบรุ้ง

ภาพฝันบรรจบภาพจริง

คำถามสำหรับทุกเรื่องราว

คงถึงเวลาปิดฉากการค้นหา

เพราะคำตอบอยู่ในแววตาอ่อนโยนจาก

ใครคนหนึ่ง ...ถึงใครอีกคน



ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

ในเรื่องราว: |