๏ เสียงเรื่อยเจื้อยแจ้วมาแว่วหวาน
คล้ายวันวานนานเนาแต่เก่าก่อน
ย้อนคืนมามั่นแม้นไม่แคลนคลอน
ไม่แรมรอนห่างหายจนหน่ายแรง


เสียงทิวไผ่เสียดกอคลอสายลม
ดอกชวนชมริ้วระบายในสายแสง
ดอกรักเร่เร่ร่ายไม่หน่ายแคลง
จวบสิ้นแรงร่อนเร่ในเปลใจ


พลิ้วสายลมโลมไล้เรียวใบหญ้า
สกุณาร้องรับขับเสียงใส
สำเนียงเอื้อยเฉื่อยฉ่ำล้ำละไม
จากพงไพรล่องลอยจนคล้อยเลือน


หวานมนต์เพลงดวงดาวพราวเกลื่อนฟ้า
แจ่มจรัสเจิดจ้าหาใดเหมือน
เจ้าดาวรายหมายเรียงร่วมเคียงเดือน
จึงพราวเกลื่อนแสงกล่นเป็นมนต์ดาว


เพลงท้องทุ่งบรรเลงบทเพลงหวาน
กล่อมลำนำซึ้งซ่านมาขานกล่าว
ร้อยวธุรสกลอนกานต์ประสานดาว
เป็นม่านพราวมนต์รักนักกวี
.
.
.
เป็นม่านพราวมนต์รักในอักษรา ฯ





วาระปะฝีกลอน -คืนเรือน- ท่านดิน
0 Responses

แสดงความคิดเห็น