๏ ใต้ม่านควันกลบฟ้าในป่าเมือง
ใต้รุ่งเรืองหลายหลากไฟมากสี
ใต้ร่มเงาตึกปูนพูนทวี
ใต้อัคคีตามหลอกในซอกใจ
ใครคนหนึ่งนั่งวิโยคด้วยโศกสร้อย
ในเลื่อนลอยเหว่ว้าที่บ่าไหล
ในระย่อทุกท้อที่คลอไคล้
จวบจนใกล้รุ่งสางจึงสร่างซา
ผ่านคืนเหงาในเงาอันมืดมิด
เหลือเพียงจิตร้าวเจ็บจนเหน็บชา
กับซากร่างพร่างคราบอาบน้ำตา
ที่ขมปร่าในระทมเกินข่มกลืน
เธอลุกขึ้นยืนหยัดปัดคราบช้ำ
เก็บระกำฝังกลบลบสะอื้น
เพราะชีวิตยังไม่แพ้แม้ล้มครืน
จำต้องยืนฝืนสู้ทนจนกำชัย
จะกี่ร้อน กี่หนาว กี่คราวชอก
กี่ลวงหลอกในมนุษย์ยุคสมัย
กี่โหยหา กี่ร้าวรวด กี่ปวดใจ
คงผ่านไปเมื่ออำลาถิ่นป่าเมือง ฯ
...
วาระปะฝีกลอน -ทุกขณะ- ท่านนมัสสา
ใต้รุ่งเรืองหลายหลากไฟมากสี
ใต้ร่มเงาตึกปูนพูนทวี
ใต้อัคคีตามหลอกในซอกใจ
ใครคนหนึ่งนั่งวิโยคด้วยโศกสร้อย
ในเลื่อนลอยเหว่ว้าที่บ่าไหล
ในระย่อทุกท้อที่คลอไคล้
จวบจนใกล้รุ่งสางจึงสร่างซา
ผ่านคืนเหงาในเงาอันมืดมิด
เหลือเพียงจิตร้าวเจ็บจนเหน็บชา
กับซากร่างพร่างคราบอาบน้ำตา
ที่ขมปร่าในระทมเกินข่มกลืน
เธอลุกขึ้นยืนหยัดปัดคราบช้ำ
เก็บระกำฝังกลบลบสะอื้น
เพราะชีวิตยังไม่แพ้แม้ล้มครืน
จำต้องยืนฝืนสู้ทนจนกำชัย
จะกี่ร้อน กี่หนาว กี่คราวชอก
กี่ลวงหลอกในมนุษย์ยุคสมัย
กี่โหยหา กี่ร้าวรวด กี่ปวดใจ
คงผ่านไปเมื่ออำลาถิ่นป่าเมือง ฯ
...
วาระปะฝีกลอน -ทุกขณะ- ท่านนมัสสา
แสดงความคิดเห็น